กรุงเทพฯ--23 ก.ค.--ธนาคารกสิกรไทย
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่าธนาคารกสิกรไทยประกาศผลการดำเนินงานสำหรับงวดแรกปี 2556 โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 21,085 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 14.87% สำหรับกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2556 มีจำนวน 10,979 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 8.64%
ผลการดำเนินงานสำหรับงวดแรก ปี 2556 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของ ปี 2555 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 21,085 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 2,730 ล้านบาท หรือ 14.87% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ จำนวน 4,753 ล้านบาท หรือ 15.64% โดยอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin :NIM) อยู่ที่ระดับ 3.46% ซึ่งสอดคล้องกับการทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และจากปริมาณสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงปลายงวด รวมถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจำนวน 3,874 ล้านบาท หรือ 19.12% เป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ และรายได้เบี้ยประกันภัยรับสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Efficiency ratio) ในงวดนี้อยู่ที่ระดับ 41.38% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าในไตรมาสนี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองการด้อยค่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง จำนวน 1,566 ล้านบาท จากการเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาระบบ Core Banking บางส่วนเฉพาะด้านเงินรับฝากตามแผนงานเดิมของโครงการยุทธศาสตร์
K-Transformation เพื่อให้ประมวลผลได้รวดเร็วขึ้นในอนาคต ลดความเสี่ยงของการขาดแคลนบุคลากรที่มีความชำนาญในการรักษาความเสถียรของระบบ และประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระบบในระยะยาว นอกจากนี้ ธนาคารได้บันทึกกลับรายการประมาณการหนี้สินเพื่อรองรับส่วนแบ่งขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการบริหารสินทรัพย์ของ บสท. ส่วนที่ตั้งไว้เกิน จำนวน 1,111 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 2 ปี 2556 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2556 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 10,979 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน จำนวน 873 ล้านบาท หรือ 8.64% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ จำนวน 726 ล้านบาท หรือ 4.22% และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจำนวน 1,140 ล้านบาท หรือ 9.92% ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ และรายได้เบี้ยประกันภัยรับสุทธิที่เพิ่มขึ้น สำหรับผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) อยู่ที่ระดับ 3.52% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน นอกจากนี้ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Efficiency ratio) ในไตรมาสนี้อยู่ที่ระดับ 42.65%
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 ธนาคารและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมจำนวน 2,225,152 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน จำนวน 115,185 ล้านบาท หรือ 5.46% และเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2555 จำนวน 147,710 ล้านบาท หรือ 7.11% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนและเงินให้สินเชื่อ โดยที่เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL Gross) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 อยู่ที่ระดับ 2.13% ขณะที่ไตรมาสก่อนและสิ้นปี 2555 อยู่ที่ระดับ 2.09% และ 2.16% ตามลำดับ โดยในงวดนี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับความเสี่ยงเชิงระบบ (Countercyclical provision) ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจขาลง และความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 อยู่ที่ระดับ 133.93% ขณะที่ไตรมาสก่อนและสิ้นปี 2555 อยู่ที่ระดับ 138.62% และ 131.83% ตามลำดับ นอกจากนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ BASEL III อยู่ที่ 16.20% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 11.97%