ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2556 สำเร็จเกินคาด พร้อมปรับเป้าหมายใหม่

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 23, 2013 15:36 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 ก.ค.--ตลท. ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2556 ตามกลยุทธ์ที่มุ่งสานโอกาสการลงทุนของธุรกิจและผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง บรรลุผลสำเร็จทุกด้านที่สำคัญ และเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะมูลค่าการซื้อขายหุ้นเฉลี่ยต่อวัน และปริมาณซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า สูงกว่าตลาดหุ้นชั้นนำอื่นในภูมิภาคอาเซียน ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมจากบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ทะลุเป้า อยู่ที่ 1.49 แสนล้านบาท และจำนวนผู้ลงทุนใหม่ในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นเกือบ 70,000 ราย สร้างความน่าสนใจให้ตลาดหุ้นไทยโดดเด่นต่อเนื่องจากปี 55 แม้ภาวะการลงทุนในตลาดโลกจะผันผวน ขณะที่ล่าสุดคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมติอนุมัติปรับเป้าหมายการดำเนินงานใหม่ให้สอดคล้องกับภาวะตลาดในปัจจุบัน นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2556 ผลดำเนินงานโดยรวมประสบความสำเร็จอย่างสูงในหลายด้านที่สำคัญ ถึงแม้ว่าสภาวะการลงทุนจะมีความผันผวนจากการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนและสภาพคล่องของตลาดทุนโลกก็ตาม ซึ่งนับเป็นความสำเร็จต่อเนื่องจากปี 2555 ที่ได้สร้างสถิติสำคัญให้กับตลาดหุ้นไทยมาแล้วทั้งการปรับเพิ่มของดัชนีราคาหุ้น และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ปรับเพิ่มขึ้นแซงหน้าตลาดหุ้นชั้นนำในภูมิภาคเป็นครั้งแรก และนับตั้งแต่ต้นปี 56 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นจากสิ้นปี 2555 ถึง 90% อยู่ที่ 61,487 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 ตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมจากหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนใหม่ถึง 1.49 แสนล้านบาท จากเป้าหมาย 1.2 แสนล้านบาท โดยมีหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนใหม่จำนวน 16 หลักทรัพย์ในครึ่งแรกปีนี้ และผลักดันบริษัทจดทะเบียนเดิมให้ระดมทุนเพิ่มเท่ากับ 104,778 ล้านบาท จาก 173 บริษัท ประกอบด้วยเงินสดที่ได้จากการระดมทุน 86,994 ล้านบาท การแลกหุ้น (share swap) รวม 10,387 ล้านบาทและ การออกหุ้นปันผลรวม 7,396 ล้านบาท ด้านการขยายฐานผู้ลงทุนบุคคลสามารถเพิ่มจำนวนผู้ลงทุนซื้อขายหุ้นได้ถึง 69,479 ราย ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปีนี้ 70,000 ราย ขณะที่การลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ มีการทำกิจกรรมการตลาดต่อเนื่องร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ และธนาคารพาณิชย์ ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีบัญชีอินเทอร์เน็ตใหม่อีกกว่า 9 หมี่นบัญชี จากเป้าหมายที่ต้องการเพิ่มบัญชีใหม่ 1.2 แสนบัญชี ภายในปี 2556 นี้ ในขณะเดียวกัน ปริมาณซื้อขายสินค้าในตลาดอนุพันธ์เฉลี่ยต่อวัน ณ สิ้นมิ.ย. อยู่ที่ 78,656 สัญญา เพิ่มขึ้น 79% เมื่อเทียบกับเฉลี่ยในปี 2555 ที่สำคัญมาจากการปรับปรุงหุ้นอ้างอิงของ Single Stock Futures ด้วยการขยายไปสู่หลักทรัพย์ในกลุ่ม SET 100 ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 30 หุ้น รวมเป็นทั้งหมด 60 หุ้น (ข้อมูล ณ 15 ก.ค. 56) ดร.ภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและการเงิน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 แม้ว่ามีความผันผวนของสภาพคล่องทางการเงินในตลาดทุนโลก และส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับลดลงในช่วงไตรมาส 2/2556 แต่เป็นการเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค โดยยังคงมีสภาพคล่องการซื้อขายหลักทรัพย์ในระดับสูง ขณะที่ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากปริมาณการซื้อขาย Single Stock Futures และได้มีการเพิ่มหลักทรัพย์อ้างอิงของ Single Stock Futures อีก 20 ตัว โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 SET Index ปิดที่ 1,451.90 จุด เพิ่มขึ้น 4.31% จากสิ้นปี 2555 ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalization) ของทั้ง 2 ตลาด ปรับสูงขึ้น โดย SET อยู่ที่ 12.53 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.89% และ mai อยู่ที่ 174,137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.91% จากสิ้นปี 2555 ด้านอัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ยของ SET อยู่ที่ 2.96% อัตราส่วนระหว่างราคาหลักทรัพย์ต่อกำไรสุทธิคาดการณ์ต่อหุ้น (forward P/E ratio) ของไทย ปรับเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดย SET ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2555 อยู่ที่ระดับ 13.41 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 12.22 และ mai อยู่ที่ 17.28 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 11.75 เท่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิอยู่ที่ 76,446 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนมูลค่าซื้อขายที่ 24.62% นายจรัมพร กล่าวว่า จากผลสำเร็จด้านต่างๆ และการทำงานที่มุ่งมั่นเพื่อผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดหุ้นชั้นนำของภูมิภาค รวมถึงภาวะการซื้อขายที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้มีมติให้ปรับเป้าหมายการดำเนินงานใน 3 ด้านเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ของตลาดในปัจจุบัน ได้แก่ 1) มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันปี 2556 โดยปรับเพิ่มเป็น 49,500 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้น 53% จากปีก่อน ขณะที่เป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 32,000 ล้านบาทต่อวัน และปรับเพิ่มปริมาณการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็น 66,000 สัญญาต่อวัน เพิ่มขึ้น 51% จากปีก่อน ขณะที่เป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 50,000 สัญญาต่อวัน 2) ด้านผู้ลงทุนในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ครึ่งปีแรก 56 เติบโตต่ำกว่าเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม คาดว่าครึ่งหลังปีนี้ จะมีจำนวนบัญชีของผู้ลงทุนเติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 30% รวมเป็นจำนวนบัญชีใหม่ทั้งปีนี้ที่ 14,000 บัญชี (เป้าหมายเดิม 22,000 บัญชี) เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นขาขึ้น ส่งผลให้ผู้ลงทุนสนใจเปิดบัญชีซื้อขายในตลาดหุ้นมากกว่า ประกอบกับการซื้อขายในตลาดทองคำซึ่งซบเซาลง 3) ด้านบริษัทจดทะเบียน ปรับเพิ่มเป้าหมายมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัทและหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนใหม่ เป็น 1.8 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% จากปีก่อน ขณะที่เป้าหมายเดิมอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท สำหรับการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วงครึ่งแรกปี 2556 ตลาดหลักทรัพย์ฯ พัฒนาและปรับปรุงกระบวนการทำงานของ Data Center ในระบบงานที่เป็นบริการธุรกิจหลัก ให้ได้ตามมาตรฐานความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสากล โดยได้ผ่านการประเมินและรับรองตามมาตรฐาน ISO/IEC 27001: 2005 นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย เดินหน้าโครงการ Securities Operation Re-engineering พัฒนาระบบงานหลังการซื้อขายและงานปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ให้เป็นระบบกลางและมีมาตรฐานระดับสากล ซึ่งจะช่วยทั้งการลดภาระปริมาณงาน และต้นทุนค่าใช้จ่ายของ บล.ที่เป็นสมาชิกเป็นการวางรากฐานระบบปฏิบัติการหลังการซื้อขายให้ทันสมัย ด้านการพัฒนาตลาดทุนในระยะยาว ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีจัดทำ CG Principle & best practice เพื่อเป็นแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีให้บริษัทจดทะเบียนนำไปปฎิบัติ เป็นการเตรียมความพร้อมก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ขณะเดียวกัน ธนาคารโลกได้ประกาศผลการประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้าน CG (CG-ROSC) ให้ตลาดทุนไทยได้รับคะแนน 82.83 จาก 100 คะแนนเต็ม สูงสุดกับเมื่อเทียบกับตลาดทุนอื่นในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ ผลของการจัดคะแนน ASEAN CG Scorecard ซึ่งเป็นการวัดระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียนในอาเซียน พบว่าไทยได้ 67.66 คะแนน สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคนี้ ด้าน CSR ได้มุ่งผลักดันให้บริษัทจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์ที่ได้รับการคำนวณในกลุ่มดัชนี Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) โดยปีนี้ มี 35 บริษัทไทยได้รับเชิญเข้าร่วมการประเมินผลความยั่งยืนในดัชนี DJSI Emerging Markets และในจำนวนดังกล่าวมี 15 บริษัทไทยได้รับเชิญเข้าร่วมประเมินเข้าสู่ดัชนี DJSI World นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมุ่งส่งเสริมศักยภาพของผู้ลงทุนและผู้ประกอบวิชาชีพ โดยช่วงครึ่งปีแรกมีผู้ลงทุนและผู้สนใจลงทุนเรียนรู้ผ่านกิจกรรมอบรมสัมมนา และโครงการ “ออมไว้ในหุ้น by TSI” ที่จัดขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แล้วกว่า 12,000 คน และเรียนรู้ผ่านช่องทางออนไลน์กว่า 3.7 ล้าน page views พร้อมเดินสายให้ความรู้วางแผนเกษียณและ Employee’s Choice แก่สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปแล้วกว่า 30,000 คน รวมทั้งได้จัดตั้ง “ศูนย์เรียนรู้การลงทุน (SET Investment Center : SET IC)” จำนวน 7 แห่งขึ้นในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เพื่อเป็นศูนย์กลางความรู้การลงทุนในภูมิภาค พร้อมกันนี้ ยังให้ความรู้กับผู้แนะนำการลงทุนในส่วนภูมิภาค (Investment Consultant : IC) ผ่านโครงการ “Strengthening IC@Provinces” โดยครึ่งปีแรกได้เดินสายพบปะผู้บริหารสาขาทุกภูมิภาคและจัดอบรมให้ IC แล้วกว่า 450 คน ใน 6 จังหวัด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ