กรุงเทพฯ--23 ก.ค.--บลจ. ฟินันซ่า
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ฟินันซ่า จำกัด (บลจ.ฟินันซ่า) เสนอกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือน อัตราผลตอบแทนโดยประมาณ 2.90% ต่อปี “ตอนนี้ นักลงทุนไทยยังคงจับตาตัวเลข จีดีพีไทยและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 2 ซึ่งทาง บลจ.ฟินันซ่า ประเมินว่า แรงส่งเศรษฐกิจไทยให้ขับเคลื่อนต่อ ลดลง คู่ค้าสำคัญอย่างจีนชะลอตัว เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวแล้วแม้ยุโรปยังแย่อยู่ แต่เริ่มดีขึ้น ผลคือเงินทุนยังคงไหลออกจากประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) และทำให้การลงทุนในประเทศเกิดใหม่หรือ ไม่น่าสนใจ เพื่อให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุน เราจึงหาตราสารหนี้มีอัตราผลตอบแทนที่ดีที่สุดภายใต้ระดับความน่าเชื่อถือลงทุนได้ขึ้นไป เสนอให้แก่ลูกค้า”
“บลจ.ฟินันซ่า จึงออกกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือนเป็นทางเลือกแก่ลูกค้า คือ กองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัสโรลโอเวอร์ 6 เดือน 6 (FAM FIPR6M6) โดยมีอัตราผลตอบแทนโดยประมาณ 2.90% ต่อปี โดยเปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 23-30 ก.ค. 56 ติดต่อที่ หมายเลขโทรศัพท์ 02-352-4050 โดยสินทรัพย์ในกองทุนบางส่วนจะลงทุนเป็นเงินฝากธนาคารต่างประเทศและในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่ลงทุนได้ขึ้นไป”
สำหรับการลงทุน 6 เดือน เป็นกองทุนที่โรลโอเวอร์มาจากกองก่อนหน้านี้ FAM FIPR6M6 เป็นกองทุน specific fund โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ และ/หรือ เงินฝากของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ เงินฝากธนาคารต่างประเทศสกุลเงิน USD, CNY, HKD, EUR, JPY กับธนาคาร BOC(Macau), Standard Chartered Bank (Hong Kong), ธนาคาร CIMB Niaga (Indonesia) หรือเงินฝากสกุลเงิน AED ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank, UAE (F1), ธนาคาร Union National Bank, UAE(P-1), ธนาคาร CBQ (Qatar), ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ, ตั๋วแลกเงิน บมจ.ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) (BBB), ตั๋วแลกเงิน บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (BBB+), ตราสารหนี้ บมจ.บัตรกรุงไทย, หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ BBB+ ขึ้นไป ตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น
โดยผู้ลงทุนสามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท ซึ่งหากนักลงทุนสนใจ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-352-4050 อัตราผลตอบแทนสามารถดูได้จากเอกสารแนบ
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต