พระจอมเกล้าลาดกระบัง เปิดตัว ระบบสารสนเทศชุมชน 3 ชุมชนตัวอย่างสมบูรณ์แบบแห่งแรกของไทย พร้อมตั้งเป้าสร้างระบบชุมชนทั่วเขตลาดกระบัง

ข่าวทั่วไป Wednesday July 24, 2013 10:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 ก.ค.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จัดโครงการพัฒนาและบริการระบบสารสนเทศชุมชนประเดิมจัดทำระบบสารสนเทศกับ 3 ชุมชนตัวอย่าง ได้แก่ ชุมชนบึงบัว ชุมชนเลียบคลองมอญ และชุมชนคลองตาสอน ที่อยู่ในเขตลาดกระบัง และนำเอาจุดเด่นของแต่ละชุมชนมาพัฒนาและเผยแพร่ผ่านระบบสารสนเทศโดยชุมชนบึงบัว มีจุดเด่นในเรื่องของการจัดการวิสาหกิจชุมชน ชุมชนเลียบคลองมอญ มีจุดเด่นเรื่องศิลปวัฒนธรรมของชาวมอญ ชุมชนคลองตาสอน มีจุดเด่นเรื่องการอยู่ร่วมกันของชาวพุทธและชาวมุสลิม และการเกษตรอินทรีย์ซึ่งในขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วเสร็จ 2 ระบบงาน คือ ระบบงานรองรับด้านการขนส่งความช่วยเหลือ โดยเป็นการรองรับการบริหารและจัดการด้านพื้นที่พักอาศัย สถานที่ส่งของ เส้นทางการขนส่ง สามารถตอบโจทย์ประวัติการขนส่งสิ่งของช่วยเหลือเมื่อมีเหตุการณ์จากภัยธรรมชาติ หรืออุบัติภัยที่อาจเกิดขึ้นในชุมชน และระบบงานฐานข้อมูลชุมชน เป็นการรองรับการบริหารและจัดการด้านข้อมูลบ้านพักอาศัย และข้อมูลสมาชิกของประชาคมในชุมชน ข้อมูลอาชีพ ข้อมูลความเชี่ยวชาญ ข้อมูลสินค้าเด่นในชุมชน ตลอดจนข้อมูลสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เพื่อให้หน่วยงาน หรือองค์กร สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปพัฒนา แก้ปัญหาได้ตรงจุด และเสริมสร้างจุดแข็งของชุมชนได้ โดยระบบสารสนเทศถือเป็นหนึ่งในความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่อาจยังไม่เป็นที่แพร่หลายต่อการใช้งานภายในชุมชนนัก ซึ่งหากมีการนำระบบสารสนเทศมาใช้ได้ภายในชุมชน จะสามารถทำให้ระบบการบริหารงานภายในชุมชน ประสิทธิภาพได้ ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันต่อไปในอนาคตซึ่งในอนาคตจะมีการขยายการติดตั้งและพัฒนาระบบสารสนเทศไปยังชุมชนต่างๆเพิ่มเติม อย่างน้อยปีละ 3 ชุมชน เพื่อให้ชุมชนทั้งหมดสามารถพัฒนาศักยภาพของชุมชนตนเองได้ โดย สจล. มุ่งเป้าการให้บริการงานวิชาการ สร้างประโยชน์ต่อสังคมและชุมชน เพื่อให้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นที่แพร่หลาย และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ ตามแนวคิดของสถาบัน “สังคมแห่ง นวัตกรรม” ศาสตราจารย์ ดร. ถวิล พึ่งมา อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี สถาบันมีความมุ่งมั่นในการให้การศึกษาและพัฒนางานวิจัยเพื่อผลิตทรัพยากรมนุษย์ที่มีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาโดยตลอด โดยดำเนินงานการพัฒนาการศึกษาควบคู่ไปกับการจัดการเรียนการสอนการวิจัย การบริการวิชาการ และการทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรมซึ่งเป็นพันธกิจหลักของสถาบัน เพื่อสร้างรากฐานของการก้าวสู่การเป็นสถาบันอุดมศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1 ใน 10 แห่งภูมิภาคอาเซียนในปี พ.ศ. 2563โดยการให้บริการวิชาการนั้น ถือเป็นหนึ่งพันธกิจหลักสำคัญที่สถาบันมีจุดมุ่งหมายให้บริการงานวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและชุมชน เพื่อให้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นที่แพร่หลาย และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ ซึ่งที่ผ่านมา สถาบันได้มีการนำความรู้ของคณาจารย์และนักศึกษาจากทุกคณะและวิทยาลัยไปสร้างประโยชน์ต่อสังคมและชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดทางคณะวิทยาศาสตร์ ได้มีการสร้างระบบงานสารสนเทศให้กับชุมชนโดยรอบสถาบัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโครงการการให้บริการทางวิชาการที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง รองศาสตราจารย์ ดร. ดุษณี ธนะบริพัฒน์ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า คณะวิทยาศาสตร์ มีแนวทางในการพัฒนาองค์ความรู้ตามพันธกิจหลักของสถาบัน โดยทางคณะเล็งเห็นถึงความสำคัญของการนำความรู้ต่างๆมาสร้างให้เกิดเป็นรูปธรรมและนำไปใช้ประโยชน์จริงได้ จึงได้จัดทำโครงการการให้บริการทางวิชาการแก่สังคมและชุมชน เพื่อให้สังคมและชุมชนสามารถนำความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ได้เหล่านั้นไปพัฒนาสังคมหรือชุมชนของตนเองต่อไปโดยหนึ่งในการให้บริการทางวิชาการที่คณะวิทยาศาสตร์ นำองค์ความรู้ของเหล่าคณาจารย์และนักศึกษาไปพัฒนาให้เกิดประโยชน์นั้น คือการพัฒนาและบริการระบบสารสนเทศเพื่อประโยชน์สาธารณะ เนื่องจากระบบสารสนเทศมีความสำคัญต่อการบริหารจัดการ เพราะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันสิ่งแวดล้อมโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอีกทั้งการนำระบบสารสนเทศมาใช้ภายในชุมชนก็ยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก ดังนั้นหากมีวิธีการในการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็วก็จะสามารถทำให้ระบบการบริหารงานภายในชุมชน องค์กร สังคมเกิดประสิทธิภาพได้ ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันต่อไปในอนาคต รองศาสตราจารย์ ดร. ดุษณี กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางคณะจึงได้มีการหารือร่วมกันและสร้างระบบสารสนเทศขึ้นมาภายใต้โครงการพัฒนาและบริการระบบสารสนเทศเพื่อประโยชน์สาธารณะ เพื่อรองรับการใช้งานให้กับ 3 ชุมชนตัวอย่าง ได้แก่ ชุมชนบึงบัว ชุมชนเลียบคลองมอญ และชุมชนคลองตาสอน ที่อยู่ในเขตลาดกระบัง ซึ่งแต่ละชุมชนนั้นมีจุดเด่นแตกต่างกัน โดยชุมชนบึงบัว มีจุดเด่นในเรื่องของการจัดการวิสาหกิจชุมชน ชุมชนเลียบคลองมอญ มีจุดเด่นเรื่องศิลปวัฒนธรรมของชาวมอญ ชุมชนคลองตาสอน มีจุดเด่นเรื่องการอยู่ร่วมกันของชาวพุทธและชาวมุสลิม และการเกษตรอินทรีย์ ทางกลุ่มคณาจารย์และนักศึกษาที่ร่วมพัฒนาโครงการนี้ จึงได้ทำการลงพื้นที่และประชุมร่วมกับผู้นำทั้ง 3 ชุมชน โดยนำเอาจุดเด่นของแต่ละชุมชนมาพัฒนาและเผยแพร่ผ่านระบบสารสนเทศ ที่คณะได้จัดทำขึ้นให้แก่ชุมชน ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่จะเสริมสร้างทักษะการทำงานของนักศึกษาและบุคลากรที่เข้าร่วมโครงการทั้งด้าน Technical Skill และ Soft Skill ตลอดจนสามารถนำระบบสารสนเทศไปใช้เพื่อประโยชน์ให้แก่สาธารณะอย่างยั่งยืนได้ ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์กฤษฎา บุศรา อาจารย์ประจำสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ และอาจารย์ผู้รับผิดชอบโครงการพัฒนาและบริการระบบสารสนเทศเพื่อประโยชน์สาธารณะ กล่าวว่า สำหรับระบบสารสนเทศที่ทำขึ้นเพื่อชุมชน มีทั้งหมด 3 ระบบงาน ได้แก่ ระบบบริหารการพักอาศัยและพยาบาล ระบบงานรองรับด้านการขนส่งความช่วยเหลือ และระบบงานฐานข้อมูลชุมชน ซึ่งในขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วเสร็จ 2 ระบบงาน คือ ระบบงานรองรับด้านการขนส่งความช่วยเหลือ โดยเป็นการรองรับการบริหารและจัดการด้านพื้นที่พักอาศัย สถานที่ส่งของ เส้นทางการขนส่ง สามารถตอบโจทย์ประวัติการขนส่งสิ่งของช่วยเหลือเมื่อมีเหตุการณ์จากภัยธรรมชาติ หรืออุบัติภัยที่อาจเกิดขึ้นในชุมชน และสามารถปรับปรุงสถานภาพการขนส่งแบบ Real Time และรองรับการร้องขอสิ่งของที่ตรงกับความต้องการแบบทันเวลาในแต่ละสถานที่พักอาศัย ในส่วนของระบบงานฐานข้อมูลชุมชน เป็นการรองรับการบริหารและจัดการด้านข้อมูลบ้านพักอาศัย และข้อมูลสมาชิกของประชาคมในชุมชน ข้อมูลอาชีพ ข้อมูลความเชี่ยวชาญ ข้อมูลสินค้าเด่นในชุมชน ตลอดจนข้อมูลสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เพื่อให้หน่วยงาน หรือองค์กร สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปพัฒนา แก้ปัญหาได้ตรงจุด และเสริมสร้างจุดแข็งของชุมชนได้ นอกจากนี้ ยังได้มีการสร้างเว็บเพจขึ้นให้กับชุมชน เพื่อรองรับการทำงานในด้านต่างๆ ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารวิสาหกิจชุมชนระบบการจัดการความรู้สำหรับวิสาหกิจชุมชน การพัฒนาระบบงานฐานข้อมูลสุขภาพชุมชนด้วย รวมถึงทำการทดลองพัฒนาระบบงานฐานข้อมูลมลภาวะทางน้ำของชุมชนอีกด้วย โดยในอนาคตจะมีการขยายการติดตั้งและพัฒนาระบบสารสนเทศไปยังชุมชนต่างๆเพิ่มเติม อย่างน้อยปีละ 3 ชุมชน เพื่อให้ชุมชนทั้งหมดสามารถพัฒนาศักยภาพของชุมชนได้ โดยมีระบบสารสนเทศนี้เป็นฐานของการพัฒนาชุมชนต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ