กรุงเทพฯ--24 ก.ค.--IR network
บมจ.บางกอก เดค-คอน ใส่เกียร์หน้า พร้อมระดมทุน หลังสำนักงาน ก.ล.ต. ได้พิจารณานับหนึ่งแบบไฟลิ่งขายหุ้นไอพีโอ 180 ล้านหุ้นเมื่อ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai ช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ “นุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ” เผยจะนำเงินที่ได้ไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ พร้อมเดินเครื่องธุรกิจอย่างเต็มที่สู่ผู้ให้บริการด้านการรับเหมาตกแต่งภายในครบวงจรอันดับหนึ่งของประเทศ เดินหน้ารุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ นำร่องเปิดตลาดใหม่ทั้งพม่าและกัมพูชา รองรับ AEC ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นปีละ 15%
นายชัยนรินทร์ สายรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกซิตี้ แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทฯได้ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนและแบบไฟลิ่ง ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2556 ที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป จำนวน 180,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 25.71 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วภายหลังการเพิ่มทุน โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้นดังกล่าวได้ภายในไม่เกินช่วงไตรมาส 3 และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในช่วงไตรมาสที่ 3 เช่นกัน
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 350,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 700,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนเรียกชำระแล้ว 260,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 520,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนในครั้งนี้ บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วทั้งสิ้น 350,000,000 บาท
นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังขยายตัว ทำให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตดีตามไปด้วย แต่ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตในระดับที่จำกัด อันเนื่องมาจากเงินทุนที่มีอยู่จำกัด ขณะที่ตลาดกำลังขยายตัวอย่างมาก ดังนั้นเห็นว่าการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นทางเลือกที่จึงตัดสินใจที่จะนำหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 180 ล้านหุ้น มาให้นักลงทุนได้เป็นเจ้าของร่วมกันและเติบโตไปด้วยกัน
“หลังจากนี้บริษัทฯ จะเดินหน้ารุกธุรกิจอย่างเต็มที่ สู่ผู้ให้บริการด้านการรับเหมาตกแต่งภายในครบวงจรอันดับหนึ่งของประเทศไทย เห็นได้จากชื่อเสียงของ บางกอก เดค-คอน ที่ผ่านมาถือได้ว่าอยู่ในระดับแถวหน้าของประเทศ เพราะงานโครงการที่ได้รับมานั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นลูกค้าที่มีชื่อเสียง อาทิ โครงการศูนย์ราชการกรุงเทพฯ ดำเนินการโดยกรมธนารักษ์ฯ, โครงการอาคารเรียนและโรงอาหาร มหาวิทยาลัยรามคำแหง, โครงการอาคารสำนักงาน บมจ. ปตท.สผ., ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพของ บมจ.ปตท. และโครงการอาคารสำนักงานกรุงไทยพานิชประกันภัย เป็นต้น โดยจะขยายตลาดมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะต่างประเทศเทศที่จะนำร่องเปิดตลาดทั้งในพม่าและกัมพูชา รองรับตลาด AEC ซึ่งภายหลังการระดมทุน เชื่อมั่นว่าจะสามารถผลักดันให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ขยายตัวได้อีกมาก โดยตั้งเป้าตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นปีละ 15% และกำไรสุทธิปีละ 10%” นางนุชนารถ กล่าวในที่สุด
บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจรับเหมาตกแต่งภายในอาคาร ประเภทคอนโดมิเนียม โรงแรม สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล และสถานที่ราชการ เป็นต้น โดยแต่ละโครงการจะมีรายละเอียด รูปแบบและขนาด รวมถึงความต้องการใช้งานที่หลากหลายแตกต่างกันไป เช่น งานตกแต่งภายในส านักงาน ห้องประชุม ห้องโถง ทางเดิน ห้องน้ำ ห้องพักโรงแรม ห้องพักโรงพยาบาล เป็นต้น ทั้งนี้ ในการรับเหมางานตกแต่งภายในนั้น บริษัทจะรับผิดชอบตั้งแต่การจัดหาวัสดุอุปกรณ์เพื่อนำมาผลิตชิ้นงานเองสำหรับป้อนให้โครงการ การจัดหาอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูป งานระบบไฟฟ้า ประปา แอร์ สุขาภิบาล เครื่องคอมพิวเตอร์ ฯลฯ รวมถึงดูแลรับผิดชอบขั้นตอนการก่อสร้างและติดตั้งจนกว่าโครงการจะเสร็จสมบูรณ์โดยกลุ่มลูกค้าเป้ าหมายของบริษัท คือ หน่วยงานราชการ/ รัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชนทั่วไป
สำหรับผลประกอบการสิ้นปี 2555 และไตรมาส 1/2556 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 942.60 ล้านบาท และ 134.64 ล้านบาทตามลำดับ โดยมีรายได้หลักจากการให้บริการรับเหมาตกแต่งภายในให้แก่ภาครัฐและเอกชนคิดเป็นจำนวน 865.87 ล้านบาท และ 134.06 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 91.86 และร้อยละ 99.56 ของรายได้รวม ตามลำดับ ทั้งนี้รายได้จากการให้บริการรับเหมาตกแต่งภายใน ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวมีสัดส่วนงานของภาครัฐคิดเป็นร้อยละ 46.29 และร้อยละ 22.43 ตามลำดับ ขณะที่มีกำไรสุทธิในปี 2555 อยู่ที่ 162.18 ล้านบาท และไตรมาส 1/2556 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 10.71 ล้านบาท