กรุงเทพฯ--24 ก.ค.--ซีอีโอ อกริฟู้ด
ซีอีโอ อกริฟู้ด ร่วมปลุกจิตสำนึก สอนลูกหลานไทยรัก “ข้าว”เพิ่มคุณค่า สร้างคุณประโยชน์จากข้าวไทย
บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด ผู้นำด้านการผลิตน้ำมันรำข้าวของไทย รณรงค์ให้คนไทย โดยเฉพาะเด็กๆ ได้ร่วมภาคภูมิใจกับพืชผลการเกษตรของไทย ตามโครงการ “เรียนรู้ข้าว...ความภูมิใจของชาวนาไทย” ไปตามโรงเรียนและสถานพยาบาลของเด็กๆ เพื่อปลูกฝังค่านิยมให้เกิดความรัก และหวงแหนพืชผลที่มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของชาวนาไทย
วนป ลิ้มเจริญรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด กล่าวว่า “ปัญหาเรื่องราคาข้าว ส่งผลให้เกิดทัศนคติที่ไม่ดีต่อข้าวไทย ซึ่งในความจริงแล้ว ข้าวไทยถือได้ว่าเป็นข้าวที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมที่ทั่วโลกยอมรับ ผ่านการเพาะปลูกด้วยองค์ความรู้แบบดั้งเดิมที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่ส่งต่อมารุ่นสู่รุ่นมายาวนานของชาวนาไทย ทั้งเรื่องภูมิประเทศ สภาพอากาศ ดิน แดด น้ำ ส่งผลให้ข้าวไทยเจริญเติบโตได้ดี และในปัจจุบันคุณค่าของข้าว พืชผลการเกษตรของไทย นอกจากจะรับประทานเป็นอาหารหลักหล่อเลี้ยงคนทั้งประเทศและทั่วโลกแล้ว ยังสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวไทยได้ เช่นที่บริษัทนำรำข้าวส่วนประกอบที่มีประโยชน์ที่สุดของข้าวมาแปรรูปเป็น ขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
เราอยากปลูกฝังให้คนรุ่นใหม่เรียนรู้เรื่องข้าว เพราะมองว่าเด็กๆโดยเฉพาะเด็กในเมือง หรือเด็กๆที่ป่วย ไม่มีโอกาสได้รู้จักข้าว ไม่มีโอกาสได้ไปเห็น กระบวนการเพาะปลูก ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนา ทุ่งรวงข้าวสีทองที่คนรุ่นก่อนคุ้นเคย เด็กรุ่นใหม่ไม่เคยเห็นไม่เคยรู้จัก จึงไม่รู้สึกภาคภูมิใจ ดังนั้นเราจึงจำลองเรื่องของข้าวมาให้เด็กๆได้เรียนรู้ ในครั้งนี้เราร่วมมือกับศูนย์การเรียนสำหรับเด็กเจ็บป่วยเรื้อรัง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จัดกิจกรรม “ปันรัก ปันสุข Sun Soil & Rice Bran” โดยร่วมกับลูกค้าและประชาชนทั่วไป สมทบทุนสนับสนุนเด็กป่วยที่ขาดแคลนด้วย”
ชุติมา ลิ้มเจริญรัตน์ ดาราสาว ซึ่งมาร่วมกิจกรรมบอกว่า “ความตั้งใจในวันนี้นอกจากจะมาสร้างความสุขและรอยยิ้มแก่น้องๆแล้ว ยังอยากให้น้องๆได้รู้คุณค่าของข้าว ผ่านกิจกรรมซึ่งพี่ๆแต่งตัวเป็นชาวนา มีสมุดภาพการ์ตูนเล่าเรื่องราวของข้าว ซึ่งผู้ป่วยเด็กจะได้เรียนรู้ตั้งแต่ชีวิตของชาวนา กระบวนการปลูกข้าว เรื่องดิน น้ำ แสงแดดที่เหมาะสำหรับการปลูกข้าว การไถนา การหว่าน การดำนา ส่วนประกอบของต้นข้าวแต่ละต้น ระยะเวลาในการปลูกข้าว และการดูแลเอาใจใส่ ก่อนจะออกมาเป็นรวงข้าว และผ่านขั้นตอนการสี กว่าจะได้ออกมาเป็นข้าวหนึ่งเม็ดที่น้องๆรับประทาน การสกัดเอาคุณค่าจากรำข้าวซึ่งมีคุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพหลายด้านมาเป็นขนมและวิตามิน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ นอกจากนี้ยังได้ร่วมปลูกฝังเรื่องความภาคภูมิใจและร่วมกันขอบคุณชาวนาไทย โดยเด็กๆได้ร่วมกันระบายสีและทำพวงกุญแจรูปชาวนาและผองเพื่อน และยังได้รับประทานขนมที่ทำจากรำข้าวซึ่งเป็นขนมที่มีประโยชน์ไม่มีน้ำตาล ไม่มีคอเลสเตอรอล เพื่อสุขภาพที่ดีของน้องๆด้วยค่ะ”
ด.ญ.สาธิมา สำราญมาก หรือน้องมา อายุ 12 ปี บอกว่า “วันนี้ได้มาเรียนเรื่องข้าว สนุกมากค่ะ ได้เห็นรวงข้าวจริงๆ ข้าวเปลือกก่อนที่จะสีจนได้เป็นข้าวสาร สวยมากค่ะเป็นสีเหลือง พี่ๆบอกเล่าถึงขั้นตอนการทำนาท่ามกลางแสงแดด หรือฝนที่ตกลงมา ความเป็นอยู่ของชาวนาในต่างจังหวัด ทำให้หนูได้รู้ว่าต้นข้าวแต่ละต้นมีค่า ข้าวทุกเม็ดต้องผ่านความตั้งใจจริงของชาวนา หนูขอบคุณชาวนาทุกคนที่ช่วยปลูกข้าวให้หนูและทุกคนได้มีข้าวกินค่ะ หนูจะกินข้าวเยอะๆจะได้มีแรงต่อสู้กับโรคต่างๆ เมื่อไม่สบาย หนูประทับใจในความทุ่มเทของชาวนาเลยเลือกทำพวงกุญแจเป็นรูปคุณลุงชาวนาค่ะ เพื่อที่เวลาหนูเอาพวงกุญแจไปใช้งานจะได้นึกถึงความดีของชาวนาไทยทุกคนค่ะ”
น.ส.เฮเลนน่า มาร์ติน อายุ 16 ปี โรงเรียนนานาชาติบางกอกพัฒนา อาสาสมัครซึ่งมาร่วมในโครงการเล่าว่า น้องๆสนุก หนูก็สนุกไป ตัวเองก็ไม่เคยเห็นการทำนาจริงๆ ก็ได้มาเรียนรู้ไปพร้อมๆกับน้องด้วย รู้สึกทึ่งในความพยายามของชาวนา เพราะขั้นตอนของการปลูกข้าวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หนูภูมิใจในแผ่นดินไทยที่มีผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ มีท้องฟ้าแสงแดดที่สดใส มีฝนที่ตกลงมาชุ่มฉ่ำ ทำให้เราปลูกข้าวได้มีคุณภาพดีเป็นอันดับต้นๆของโลก ข้าวที่เรารับประทานในทุกมื้อจึงมีคุณค่ามาก ทุกครั้งที่รับประทานข้าว ให้คิดเสมอว่า เราในฐานะคนไทยคนหนึ่งอย่าดูถูกข้าวไทยและชาวนาไทย จำเป็นต้องสนับสนุนและช่วยกันบริโภคข้าวไทย ซึ่งน่าดีใจที่ตอนนี้เราสามารถเอาข้าวไปทำเป็นขนมและสินค้าอื่นๆ เพื่อให้ชาวนาไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นค่ะ”