กรุงเทพฯ--26 ก.ค.--IR PLUS
“สันติ หอกิตติกุล” หัวเรือใหญ่ GCAP ประกาศเดินหน้าเข็นหุ้นไอพีโอ 50 ล้านหุ้น เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายในไตรมาส 3/2556 หวังนำเงินเป็นทุนหมุนเวียน-ขยายธุรกิจบริการสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร พร้อมแต่งตั้ง บล.คันทรี่ กรุ๊ป เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย FA คาดเสนอขายหุ้นได้ช่วงไตรมาส 3/56 เชื่อหุ้นได้รับความสนใจเหตุ GCAP มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผล และอัตราการเติบโตที่น่าสนใจ
นายสันติ หอกิตติกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP เปิดเผยว่าที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) บริษัทฯ คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ภายในปีนี้และมี บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ส่วนวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้บริษัทฯ จะนำเงินเป็นทุนหมุนเวียน เพื่อขยายธุรกิจและทำให้อัตราส่วน หนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงเหลือ ประมาณ 2 เท่าเศษสร้างความมั่นคงให้กับบริษัทฯ ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล ทั้งนี้การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทฯ สภาพคล่องของบริษัทฯ แผนการขยายธุรกิจ ความจำเป็นและความเหมาะสมอื่นใดในอนาคตและปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการบริหารงานของบริษัทฯ ตามที่คณะกรรมการบริษัท และหรือผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เห็นสมควรและการดำเนินการดังกล่าวจะต้องก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น
สำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เป็นการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อแก่ลูกค้าที่ต้องการซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรในหลากหลายประเภท ทั้งที่เป็นเครื่องจักรกลการเกษตรใหม่และเครื่องจักรกลการเกษตรที่ใช้แล้ว ซึ่งได้แก่
รถเกี่ยวนวดข้าว รถพรวนดิน รถแทรกเตอร์ รถคีบไม้ รถคีบอ้อย เครื่องอบลดความชื้นเมล็ดพืช เป็นต้น โดยเน้นให้บริการสินเชื่อแก่กลุ่มลูกค้าที่เป็นเกษตรกรที่ใช้เครื่องจักรกลเป็นหลัก ภายใต้แนวคิด “สินเชื่อฉับไว เกษตรไทยก้าวหน้า”จึงทำให้ฐานลูกค้าหลักของบริษัทฯ เป็นเกษตรกร
ทั้งนี้ในปี 2553 — 2555 นั้น บริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 102.24 ล้านบาท, 108.31 ล้านบาท และ 141.01ตามลำดับ โดยรายได้ของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการขยายตัวของธุรกิจที่มีการให้สินเชื่อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนกำไรสุทธิในปี 2553-2555 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 15.84 ล้านบาท 16.64 ล้านบาท และ 32.64 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิต่อรายได้รวม 15.49% 15.36% และ 23.15%ตามลำดับ สำหรับงวดสามเดือนแรกปี 2556 บริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 38.98 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 11.47 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 57.22 จากงวดเดียวกันของปี 2555 เนื่องจากบริษัทฯ มียอดสินเชื่อเพิ่มขึ้น
ส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ณ วันที่ 10 เมษายน 2556 ประกอบด้วย กลุ่มสองน้ำถือหุ้นในสัดส่วน 63.01% ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO ต่อประชาชนกลุ่มผู้ถือหุ้นดังกล่าวจะเหลือสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 47.26% รองลงมาได้แก่กองทุนส่วนบุคคลธนาคารออมสินถือหุ้นสัดส่วน 17.50% และภายหลังการขายหุ้น IPO จะเหลือสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 13.12% กองทุนส่วนบุคคลธนาคารยูโอบี ถือหุ้นในสัดส่วน 17.50% ภายหลังการขายหุ้น IPO จะเหลือสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 13.12% และครอบครัวหยกอุบลถือหุ้นในสัดส่วน 2% ภายหลังการขายหุ้น IPO จะเหลือสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 1.50%
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายในการเป็นผู้นำในการให้สินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรแก่เกษตรกรโดยมุ่งเน้นเปิดโอกาสให้เกษตรกรได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนทำให้เกษตรกรได้มีเครื่องจักรกลการเกษตรที่ทันสมัยไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว และการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร โดยอาศัยทีมงานที่มีความรู้มีประสบการณ์และมีความเข้าใจ รวมถึงมีระบบการจัดการที่ดีและมีประสิทธิภาพ การให้บริการที่สะดวกรวดเร็ว ตลอดจนมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม และโปร่งใส เพื่อให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นและมีความพึงพอใจในคุณภาพของบริการ
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีเป้าหมายที่จะเติบโตอย่างมั่นคงด้วยการเพิ่มยอดรายได้ให้มากขึ้นจากการขยายกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศและขยายพื้นที่ให้การบริการในแต่ละภูมิภาค ตลอดจนการเพิ่มประเภทของสินค้าในการให้บริการด้านสินเชื่อที่หลากหลายและครบวงจร รวมถึงการเพิ่มจำนวนคู่ค้าและเครื่องมือทางการเงิน และการหากลุ่มลูกค้าใหม่ในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า
ด้านนายชูพงษ์ ธนเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจวาณิชธนกิจ บล.คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) กล่าวในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) และคาดว่าจะสามารถเสนอขายหลักทรัพย์ฯ ได้ในช่วงไตรมาส 3/56แต่อย่างไรก็ตามต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาแบบแสดงรายการข้อมูลของก.ล.ต.ด้วย โดยทั้งนี้ GCAP ขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหลักทรัพย์ ขณะเดียวกัน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 100,000,000 บาท โดยแบ่งเป็นทุนที่เรียกชำระแล้ว 75,000,000 บาท
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : IR PLUS
คุณสารภี สายะเวส (จูน) โทร: 02 -541-4011 ต่อ 610, Email : sarapee@irplus.in.th
คุณจุฬารัตน์ เจริญภักดี (ฟ้า) โทร: 02 -541-4011 ต่อ 611 Email : jurarat@irplus.in.th