กรุงเทพฯ--26 ก.ค.--คอร์แอนด์พีค
บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น (เอสดีเอช)เปิดเผยถึงการปรับโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานครั้งสำคัญ ซึ่งเป็นโซลูชั่นหลักของบริษัทฯ รวมสามโซลูชั่น ได้แก่ ระบบแฟลชทั้งหมดของ Hitachi Unified Storage VM (HUS VM), Hitachi Unified Storage และ Hitachi NAS Platform รวมทั้ง Hitachi Unified Compute Platform (UCP) โดยการปรับในครั้งนี้จะช่วยลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) ได้มากถึง 30 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับโซลูชั่นอื่นๆ และยังมีประสิทธิภาพมากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ถึงสองเท่า นอกจากนี้ โซลูชั่นที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพดังกล่าว ยังจะช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้ระบบไอทีที่มีอยู่ อีกทั้งยังช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่าย ด้านการดำเนินงานได้มากกว่าเดิม แม้ในสถานการณ์ปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนด้านโครงสร้างพื้นฐานของระบบคลาวด์และการขยายตัวของข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลชทั้งหมดของ HUS VM , Hitachi Unified Storage และ Hitachi NAS Platform รวมทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ Hitachi UCP ที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพ จะช่วยให้องค์กรมีแพลตฟอร์มด้านไอทีซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดในตลาดที่พร้อมนำเสนอข้อมูลเชิงลึก ช่วยให้ตัดสินใจรวดเร็วขึ้น และประหยัดทรัพยากรในการสร้างนวัตกรรมเพื่อให้ธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จ ด้วยประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการปรับใช้ระบบคลาวด์แบบส่วนตัวได้อย่างอิสระ ทำให้องค์กรสามารถรองรับเวิร์กโหลดได้ในระดับสูงสุดและจัดการได้อย่างรวดเร็ว คุณประโยชน์เหล่านี้มีความสำคัญต่อองค์กรที่ต้องตอบสนองความต้องการของผู้ใช้เป็นอย่างมาก โดยเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานทั้งสามนี้พัฒนาขึ้นจากบริการและโซลูชั่นระบบคลาวด์สำหรับเนื้อหาที่บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2556 ซึ่งมาพร้อมกับสมรรถนะ ประสิทธิภาพในการทำงาน และความคุ้มค่าที่จำเป็นต่อการปรับใช้ระบบคลาวด์องค์กรได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวยังสอดคล้องกับแนวทางกลยุทธ์ 3 ระดับของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ อันได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน เนื้อหา และสารสนเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้สร้างขึ้นบนระบบไอทีเดิมที่มีอยู่ ส่งผลให้องค์กรสามารถมีแพลตฟอร์มเสมือนเพียงแพลตฟอร์มเดียวสำหรับข้อมูลทุกรูปแบบที่พร้อมรองรับระบบคลาวด์และรับมือกับสถานการณ์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ได้อย่างครอบคลุม
การเปิดตัวขีดความสามารถที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวยังช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มนวัตกรรมของตนและใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีอยู่เพื่อสร้างข้อได้เปรียบด้านการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้:
- สมรรถนะ: เพิ่มสมรรถนะในการเข้าถึงข้อมูลได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่า
- ประสิทธิภาพ: เพิ่มประสิทธิภาพให้กับโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรด้านไอทีผ่านระบบเสมือน ประสิทธิภาพด้านความจุ และจัดสรรพื้นที่จัดเก็บทรัพยากรโดยอัตโนมัติเพื่อตอบสนองแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่สนับสนุนเป้าหมายทางธุรกิจโดยเฉพาะ
- ความคุ้มค่า: ลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) ได้มากถึง 30 เปอร์เซ็นต์ผ่านการจัดการแบบรวมศูนย์ การโยกย้ายข้อมูลอัตโนมัติ และการจัดสรรพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพื่อสร้างข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจที่รวดเร็วกว่าเดิม
นายมารุต มณีสถิตย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ พีทีอี ลิมิเต็ด เปิดเผยว่า "ปัจจุบันลูกค้าให้ความสำคัญกับการแปรรูปองค์กรธุรกิจเป็นอย่างมาก ดังนั้น พวกเขาจึงต้องการโซลูชั่นด้านสารสนเทศที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการทางธุรกิจและลดความซับซ้อนด้านไอทีเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการตอบสนองต่อตลาดและสามารถสร้างนวัตกรรมได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ที่ผ่านมาเราให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) มาโดยตลอด แต่เทคโนโลยีที่เราเปิดตัวในครั้งนี้จะเข้ามาเพิ่มความคุ้มค่าให้กับระบบจัดเก็บข้อมูลด้วยการลดค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงาน (OPEX) ที่จำเป็นต่อผลกำไรของธุรกิจ และเพื่อกำจัดอุปสรรคที่มีต่อประสิทธิภาพการทำงานอันเป็นผลมาจากการมีสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันและคลังข้อมูลจำนวนมากภายในระบบศูนย์ข้อมูล บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ จึงได้กำหนดระบบพื้นฐานที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพสูงสำหรับระบบคลาวด์ส่วนตัวรวมถึงแพลตฟอร์มข้อมูลขนาดใหญ่ที่จะช่วยสร้างข้อมูลเชิงลึกได้เร็วขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ และประหยัดทรัพยากรของลูกค้าในการสร้างสรรค์นวัตกรรมโดยอาศัยข้อมูลที่มีอยู่"
บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับโซลูชั่นระบบจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลชที่เป็นลักษณะผสานรวมและรวมศูนย์ ช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายด้านระบบไอทีได้อย่างมาก โดยระบบเสมือนที่ทรงประสิทธิภาพ และทำงานแบบอัตโนมัติของ ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ นั้น ช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนด้านกลยุทธ์และการบำรุงรักษาระบบได้อย่างยืดหยุ่นเพื่อสนับสนุนเป้าหมายทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น โดยแท้จริงแล้ว บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ สามารถปรับใช้โซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานแบบผสานรวมและทางเลือกการประมวลผลแบบครบวงจรที่พร้อมสนับสนุนการปรับใช้ระบบคลาวด์แบบส่วนตัวได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งมีความโดดเด่นอย่างมาก โดยเราคาดว่าองค์กรขนาดใหญ่และขนาดกลางจะรู้สึกตื่นเต้นกับขีดความสามารถใหม่ๆ เหล่านี้และจะเริ่มนำไปใช้ในเร็วๆ นี้
“สำหรับการทำตลาดในครึ่งปีหลังนี้ ทางฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ จะมุ่งเน้นไปที่การทำตลาดคลาวด์เพิ่มขึ้น โดยการเปิดตัวโซลูชั่นใหม่ในครั้งนี้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการใช้งานระบบคลาวด์ขององค์กรโดยเฉพาะคลาวด์ แบบส่วนตัวได้เป็นอย่างมาก ซึ่งการเปิดตัวโซลูชั่นใหม่นี้มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้เรารุกตลาดได้มากขึ้น โดยเราจะยังคงเน้นการทำตลาดผ่านดิสทริบิวเตอร์ รวมทั้งพัฒนาความร่วมมือกับคู่ค้าระดับไฟนอลเทียร์หรือระดับ ผู้ให้บริการติดตั้งระบบ (เอสไอ) โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จะช่วยผลักดันให้ยอดขายในปีนี้ของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้น” นายมารุตกล่าวสรุป