บลจ.กสิกรไทย โชว์ผลงานกองนวัตกรรม KSFTD3YA บริหารได้ผลตามเป้า มอบผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ 3.30% ต่อปี พร้อมส่งกองทุนตราสารหนี้ใหม่ เสิร์ฟผู้ลงทุนต่อเนื่อง ด้านกองทุน 1 ปี ขยับผลตอบแทนแตะ 3.08%

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 30, 2013 15:23 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 ก.ค.--บลจ.กสิกรไทย นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 สิงหาคม นี้ บลจ.กสิกรไทย มีกำหนดจ่ายคืน กองทุนเปิดเค สมาร์ท เอฟทีดี 3 ปี เอ K Smart FTD 3 Years A Fund: (KSFTD3YA) ซึ่งเป็นกองทุนที่ บลจ.กสิกรไทย ต้องการนำเสนอความต่างในการลงทุนให้กับผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง โดยกองทุน เค สมาร์ท เอฟทีดี มีอายุโครงการ 3 ปี มูลค่าโครงการ 8 พันล้านบาท เน้นลงทุนใน Structured Note พร้อมมอบโอกาสให้กับนักลงทุนในการรับผลตอบแทนทั้งจากดอกเบี้ย และค่ารับประกันความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ไทย เกาหลีใต้ และมาเลเซีย โดยผลตอบแทนในส่วนดอกเบี้ยนั้น อ้างอิงกับอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารชั้นนำของโลก 4 แห่ง ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ A ขึ้นไป ได้แก่ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด UBS แบงก์ออฟอเมริกา และบาร์เคลย์ ซึ่งอ้างอิงกับความสามารถในการชำระเงินของรัฐบาล 5 ประเทศ คือ ไทย ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย และเกาหลีใต้ โดยมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งเงินต้นและผลตอบแทน ซึ่ง ณ ขณะนี้กองทุนดังกล่าวครบกำหนดอายุแล้ว โดยอัตราผลตอบแทนจากการบริหารกองทุนที่ได้นั้น มีการบริหารงานได้ตรงตามเป้าจากที่คาดการณ์ไว้ โดยมีผลตอบแทนอยู่ที่ 3.30% ต่อปี ซึ่ง บลจ.กสิกรไทยจะคืนเงินลงทุนเริ่มต้น พร้อมผลตอบแทนด้วยการโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ที่ผูกกับบัญชีกองทุนของผู้ลงทุน ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกสำหรับผู้ลงทุนทุกท่าน นายนาวิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังจะเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการต่อเนื่องอีก 3 กองทุน ในวันที่ 30 กรกฎาคม — 5 สิงหาคม 2556 เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำแต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ในประเทศที่มีอายุใกล้เคียงกัน อันประกอบด้วยกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน ซีดับบลิว (KFI3MCW) โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.80% ต่อปี กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน บีเอส (KFI6MBS) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.00% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี บีวาย (KFF1YBY) ซึ่งให้โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.08% ต่อปี โดยทั้ง 3 กองทุนข้างต้นมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน “ในสัปดาห์นี้ บลจ.กสิกรไทย จะมีการเปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ประเภทอายุ 1 ปี เพิ่มจากสัปดาห์ที่แล้วเพื่อเป็นโอกาสให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะยาว โดยให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจสูงถึง 3.08 % ต่อปี ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสดีและถือเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการพักเงินกับกองทุนตราสารหนี้ที่มีคุณภาพดี และให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพอใจภายใต้ความเสี่ยงที่ไม่สูงมากนัก โดยตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี บีวาย (KFF1YBY) จะเข้าลงทุน ประกอบด้วยเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า (A/Fitch) ตราสารหนี้ Itau Unibanco S.A., ตราสารหนี้ Banco do Brasil S.A. และตราสารหนี้ Banco Bradesco S.A. ประเทศบราซิล ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Fitch ที่ BBB+, BBB และ BBB+ ตามลำดับ รวมถึงจะลงทุนในเงินฝาก Fist Gulf Bank, สาขาสิงคโปร์ ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Fitch ที่ A+” นายนาวินกล่าว นายนาวินกล่าวต่อไปว่า ด้านกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน ซีดับบลิว (KFI3MCW) จะเข้าลงทุนในเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า (A/Fitch) ตราสารหนี้ Itau Unibanco S.A., ประเทศบราซิล (BBB+/Fitch) ตราสารหนี้ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด, ประเทศไทย (AAA/TRIS) ตราสารหนี้ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (AA-(tha)/Fitch) พร้อมด้วยเงินฝาก Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี (BBB/Fitch) ส่วนกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน บีเอส (KFI6MBS) จะลงทุนในเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า เงินฝาก Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ Itau Unibanco S.A., ประเทศบราซิล ด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน), ประเทศไทย (A-/TRIS) ร่วมด้วยตราสารหนี้ Banco ABC Brasil S.A., ประเทศบราซิล ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชี่อถือจากFitch ที่ระดับ BBB- นอกจากนี้ ในช่วงเวลาเดียวกัน บลจ.กสิกรไทยจะเปิดขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ซีอาร์ (KPPTF3MCR) เพื่อตอบรับความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมากและต้องการลงทุนระยะสั้นกับตราสารหนี้ในประเทศเป็นหลัก โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และบางส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากประจำ 3 เดือนของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะให้โอกาสรับผลตอบแทนปลอดภาษีสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาที่ 2.40% ต่อปี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ