กรุงเทพฯ--1 ส.ค.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศประจำสหภาพยุโรปได้รายงานข้อมูลที่สหภาพยุโรปได้ออกประกาศกฎระเบียบการกำหนดขั้นตอนการยื่นขออนุญาตสินค้าอาหารและอาหารสัตว์ที่มีการดัดแปลงพันธุกรรม หรือจีเอ็มโอ รวม 49 ชนิดสินค้า เข้ายังกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปได้แล้วตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยจะมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2556 เป็นต้นไป ซึ่งผู้นำเข้าจะต้องทำตามระเบียบข้อบังคับที่อียูกำหนด ทั้งนี้ ยังมีสมาชิกอียูบางประเทศที่ยังคงสงวนสิทธิ์การห้ามนำเข้าสินค้าจีเอ็มโอยูโดยเฉพาะในกลุ่มยุโรปตะวันออก เช่น ออสเตรีย ฝรั่งเศส และอิตาลี เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม แม้ในปัจจุบันไทยยังไม่มีนโยบายอนุญาตให้เรื่องของพืชจีเอ็มโอ แต่เป็นประเด็นที่น่าจะต้องมาพิจารณาทบทวนเพื่อปรับตัวกับเรื่องนี้ในอนาคตหรือไม่ เนื่องจากที่สหภาพยุโรปได้ประกาศให้นำเข้าพืชจีเอ็มโอ 49 รายการนั้นมีสินค้าสำคัญ ได้แก่ ฝ้าย ถั่วเหลือง ข้าวโพด และพืชน้ำมันเรพ ซึ่งใน 2 ชนิดดังกล่าวเป็นสินค้าที่ไทยผลิตเพื่อส่งออกไปยังอียู โดยเมื่อปี 2554 ไทยส่งออกถั่วเหลืองไปยังอียูคิดเป็นมูลค่า 34,000 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นในปี 2555 เป็น 39,000 ล้านบาท ขณะที่การส่งออกฝ้ายในปี2554 มีมูลค่า 34,000 ล้านบาท และในปี 2555 มูลค่า 23,400 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อมีการเปิดตลาดการนำเข้าพืชจีเอ็มโอได้มากขึ้น ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อสินค้าทั้งสองชนิดของไทยได้ในอนาคต
“ก่อนหน้าที่อียูจะประกาศให้นำเข้าสินค้าจีเอ็มโอได้นั้น ทางประเทศญี่ปุ่นได้มีการประกาศอนุญาตให้นำเข้าสินค้าจีเอ็มโอได้แล้วเช่นกัน โดยจะต้องแจ้งในฉลากสินค้าอย่างชัดเจนเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถพิจารณาได้ว่าจะเลือกซื้อสินค้าจีเอ็มโอหรือไม่ และผู้นำเข้าก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ญี่ปุ่นกำหนดเช่นกัน” นายนิวัติ กล่าว