ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล” ที่ “AA" และคงแนวโน้ม "Stable”

ข่าวเศรษฐกิจ Friday August 2, 2013 08:20 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ส.ค.--ทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้ารายใหญ่ของประเทศทั้งสินค้าประเภทชุดชั้นในสตรี เครื่องแต่งกายบุรุษ และเครื่องสำอาง ตลอดจน ความหลากหลายของสินค้าและตราสัญลักษณ์ รวมถึงห่วงโซ่อุปทานภายในเครือสหพัฒน์ และการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงนโยบายด้านการเงินที่ระมัดระวังของบริษัทด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดบางส่วนจากระดับผลกำไรที่ต่ำซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของธุรกิจจัดจำหน่าย ในขณะที่ความสามารถในการสร้างการเติบโตของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่จำกัดจะมีผลทำให้ความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทลดลงในกรณีที่บริษัทมีความต้องการทางการเงิน และอาจมีผลในทางลบต่ออันดับเครดิต ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดที่แข็งแกร่งในผลิตภัณฑ์หลักเอาไว้ได้และสามารถสร้างกระแสเงินสดเพิ่มขึ้น การเติบโตในอัตราต่ำเป็นระยะเวลานานมีผลทำให้สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนลงและจะมีผลกระทบด้านลบต่ออันดับเครดิต บริษัทไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนลเป็นผู้ค้าส่งและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของประเทศ โดยเฉพาะสินค้าประเภทชุดชั้นในสตรี เสื้อผ้า และเครื่องสำอาง ด้วยตราสัญลักษณ์สินค้าทั้งจากต่างประเทศและของบริษัทเองมากกว่า 80 ตรา ตราสัญลักษณ์จากต่างประเทศที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย ได้แก่ Wacoal, Arrow, Lacoste, Daks, Guy Laroche และ ELLE สินค้าของบริษัทมีจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า ดิสเคาน์สโตร์ และร้านค้าต่าง ๆ กว่า 3,100 แห่งทั่วประเทศ ประสบการณ์ที่ยาวนานของคณะผู้บริหารและความร่วมมือที่ดีจากบริษัทผู้ผลิตสินค้าและผู้จัดหาภายในเครือสหพัฒน์เป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทสามารถดำรงสถานะผู้นำตลาดมาได้โดยตลอด สินค้า 3 กลุ่มหลักที่สร้างรายได้ส่วนใหญ่ให้แก่บริษัท คือ ชุดชั้นในสตรี เครื่องแต่งกายบุรุษ และเครื่องสำอาง โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาและไตรมาสแรกของปี 2556 เครื่องแต่งกายบุรุษสร้างยอดขายในสัดส่วน 27%-29% ของรายได้รวม ในขณะที่ชุดชั้นในสตรีสร้างรายได้ 25% และเครื่องสำอางสร้างรายได้ประมาณ 12%-13% สำหรับตลาดชุดชั้นในสตรีนั้น บริษัทเป็นผู้ครองตลาดทั้งในตลาดระดับกลางถึงบน โดยในปี 2555 บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดผ่านการจำหน่ายในห้างสรรพสินค้ารวมประมาณ 60% ผลิตภัณฑ์ “Wacoal” เป็นตราสินค้าซึ่งเป็นผู้นำในตลาดชุดชั้นในสตรีมากว่าหนึ่งทศวรรษ ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 53% ในปี 2555 ถึงแม้ว่าส่วนแบ่งทางการตลาดของ Wacoal มีแนวโน้มลดลงเนื่องจากมีการแข่งขันสูง แต่ก็ยังคงสูงกว่าคู่แข่งลำดับรองลงมา ทั้งนี้ เฉพาะรายได้จาก Wacoal เพียงอย่างเดียวคิดเป็นสัดส่วน 20%-22% ของรายได้รวมของบริษัทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ส่วนจุดแข็งของเครื่องแต่งกายบุรุษของบริษัทนั้นมาจาก Lacoste และ Arrow ที่สร้างยอดขาย 10% และ 8% ของรายได้รวม ตามลำดับ เครื่องสำอาง “บีเอสซี คอสเมโทโลจี” ซึ่งเป็นตราสินค้าของบริษัทเป็นสินค้าหลักในแผนกเครื่องสำอางซึ่งสร้างรายได้ประมาณ 750-850 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ฐานะทางการเงินและสภาพคล่องของบริษัทยังคงแข็งแกร่งเนื่องจากการดำเนินนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังและการมีแหล่งรายได้ที่หลากหลาย รายได้ของบริษัทอยู่ที่ 13,677 ล้านบาทในปี 2555 และ 3,451 ล้านบาทสำหรับช่วง 3 เดือนแรกของปี 2556 คิดเป็นการเติบโตที่ระดับ 6.6% และ 3.4% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงกว่าปี 2554 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.6% การเติบโตที่ชะลอลงสะท้อนสภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงจากปัจจัยต่าง ๆ อาทิ หนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ค่าครองชีพที่ปรับเพิ่มขึ้น และสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่ไม่สงบ โดยลักษณะเฉพาะของธุรกิจจัดจำหน่ายทำให้บริษัทมีอัตราการทำกำไรที่ค่อนข้างต่ำ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายซึ่งคิดเป็นสัดส่วนของรายได้จากการขายของบริษัทอยู่ในช่วง 5%-6% ต่อปีในช่วงปี 2552 ถึงไตรมาสแรกของปี 2556 อัตรากำไรได้รับแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 13% ในปี 2555 และ 15% สำหรับช่วง 3 เดือนแรกของปี 2556 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเมื่อคิดเป็นสัดส่วนต่อยอดขายแล้วปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 32.6% ในปี 2554 มาอยู่ที่ 34.5% ในปี 2555 และ 35.4% สำหรับช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินทุนถาวรลดลงอันเป็นผลมาจากการที่บริษัทสร้างฐานเงินทุนอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีในขณะที่การสร้างกำไรยังคงที่ โดยอัตราส่วนอยู่ที่ระดับ 8% ในระหว่างปี 2554-2556 ในอนาคต บริษัทอาจเผชิญกับความท้าทายในการสร้างยอดขายและเพิ่มความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานให้สูงขึ้น เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทมีเสถียรภาพพอสมควร แต่ถือว่าค่อนข้างอ่อนตัวลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในปี 2555 บริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงาน 1,083 ล้านบาท ซึ่งรวมกำไรจากการขายทรัพย์สินจำนวน 108.5 ล้านบาทด้วย เงินทุนจากการดำเนินงานสำหรับช่วง 3 เดือนแรกของปี 2556 อยู่ที่ 200 ล้านบาท สภาพคล่องของบริษัทยังคงแข็งแกร่งซึ่งได้รับแรงหนุนจากการมีภาระหนี้สินที่ต่ำ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 176% ในปี 2555 และ 35.1% สำหรับช่วง 3 เดือนแรกของปี 2556 บริษัทอยู่ในสถานะปลอดหนี้ระหว่างปี 2545 ถึงปี 2554 อย่างไรก็ตาม ในปี 2555 บริษัทก่อหนี้ระยะสั้นเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ระดับสินค้าคงคลังของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการเติบโตของบริษัท จำนวนวันหมุนเวียนสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นจาก 158 วันในปี 2553 เป็น 169 วันในปี 2554 และ 194 วันในปี 2555 เป็นผลให้บริษัทมีภาระหนี้สินระยะสั้นจำนวน 464 ล้านบาทในปี 2555 และ 419 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 นอกจากนี้ บริษัทยังมีการค้ำประกันบริษัทที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ระบบจัดหาสินค้าและวัตถุดิบด้วย โดยภาระค้ำประกันดังกล่าวมียอดคงเหลือ 152 ล้านบาทมาตั้งแต่ปี 2552 แม้ว่าบริษัทมีการก่อหนี้เพิ่มขึ้น แต่อัตราส่วนเงินกู้รวม (รวมภาระค้ำประกัน) ต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทยังถือว่าต่ำ โดยอยู่ที่ระดับ 3.5% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 คาดว่าภาระหนี้สินของบริษัทจะสูงขึ้นในระยะปานกลางเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่บริษัทวางแผนลงทุนไว้ประมาณ 1,200 ล้านบาทสำหรับช่วงระหว่างปี 2556-2558 งบค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนสูงกว่าปกติเนื่องจากบริษัทวางแผนจะปรับปรุงและขยายร้าน His & Her รวมทั้งซื้อที่ดินและอาคาร ตลอดจนก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังไปพร้อมกับการปรับกลยุทธ์การบริหารสินค้าคงคลังเพื่อลดสินค้าส่วนเกินหรือล้าสมัยลง บริษัทได้ลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยการนำสินทรัพย์รอการขายมาพัฒนา ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่า บริษัทจะมีความเสี่ยงสูงขึ้นเนื่องจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีการแข่งขันสูงและมีความเปราะบางต่อภาวะเศรษฐกิจที่แปรปรวน ปัจจุบันการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทยังมีขนาดเล็ก ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะต้องมีการพิจารณาการลงทุนในอนาคตอย่างรอบคอบเพื่อคงความแข็งแกร่งทางการเงินและรักษาระดับสภาพคล่องให้เพียงพอตลอดเวลา บริษัทและบริษัทอื่น ๆ ในเครือสหพัฒน์มีโครงสร้างการถือหุ้นที่ไขว้กันค่อนข้างซับซ้อน แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าการทำธุรกรรมระหว่างกันของบริษัทในเครือสหพัฒน์จะเป็นไปตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (ICC) อันดับเครดิตองค์กร: AA แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ