กรุงเทพฯ--5 ส.ค.--ปตท.
ยืนยันจะกำกับดูแลและติดตามการดำเนินการแก้ไขสถานการณ์และการฟื้นฟูเยียวยาทุกแผนงาน ทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง เพื่อให้ชายฝั่งและทะเลบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด และอื่นๆ กลับคืนสู่สภาวะสมบูรณ์ดังเดิมโดยเร็วที่สุด
นายปานปรีย์พหิทธานุกร ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่เกิดเหตุท่อส่งน้ำมันดิบของบริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีทีจีซี บริษัทในกลุ่ม ปตท. เกิดการรั่วทำให้มีน้ำมันดิบไหลลงสู่ทะเลเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลกระทบต่อสภาพท้องทะเลและชายหาดอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง นั้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)และบริษัท พีทีทีจีซี ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เร่งดำเนินการแก้ไขสถานการณ์อย่างเต็มความสามารถและต่อเนื่องทุกรูปแบบตามหลักมาตรฐานสากล เพื่อกำจัดคราบน้ำมันทั้งในทะเลและชายหาดให้กลับคืนสภาพตามธรรมชาติดั่งเดิมโดยเร็วที่สุด โดยได้รับความร่วมมือสนับสนุนอย่างดียิ่งจากทุก
ภาคส่วน ทั้งนี้ คาดว่าการปฏิบัติการทำความสะอาดคราบน้ำมัน และการขนย้ายสิ่งปนเปื้อนจากเกาะเสม็ดจะเสร็จสมบูรณ์ในไม่ช้านี้ อย่างไรก็ดี กลุ่ม ปตท. ยังคงเฝ้าติดตามผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างต่อเนื่อง พร้อมเร่งจัดทำแผนฟื้นฟูทั้งระยะสั้น และระยะยาวร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก เพื่อตรวจสอบและติดตามการดำเนินงานในทุกขั้นตอน
นายปานปรีย์กล่าวย้ำว่า ในฐานะที่ประธานกรรมการ ปตท. ต้องขอโทษและขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอยืนยันว่าจะกำกับดูแล และติดตามการดำเนินงานกลุ่ม ปตท. ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ด้วยการจัดการด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่ครอบคลุมมิติ ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ กลุ่ม ปตท.อย่างจริงจังเพื่อให้ชายฝั่งและทะเลบริเวณอ่าวพร้าว สามารถกลับคืนสู่สภาวะสมบูรณ์ดังเดิมโดยเร็วที่สุด
“ ผมให้นโยบายกับบริษัทพีทีทีจีซีแล้วว่า ต้องดำเนินการดูแลเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องรอการประเมินความเสียหายจากบริษัทประกัน ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณทุกแรงกายแรงใจจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานราชการ เอกชน และประชาชน ที่ให้การสนับสนุนการปฏิบัติการต่างๆ ซึ่ง กลุ่ม ปตท. ขอน้อมรับคำแนะนำต่างๆ จากทุกภาคส่วน เพื่อนำมาปรับปรุงกระบวนการทำงานและจัดทำแผนฟื้นฟูโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรอิสระอย่างบูรณาการ” นายปานปรีย์ กล่าวสรุป