กรุงเทพฯ--5 ส.ค.--ตลท.
บมจ. เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) ผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับ high end พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 7 สิงหาคม นี้ โดยเป็นบริษัทลำดับที่ 2 ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยหลักเกณฑ์มูลค่าหุ้นสามัญตามราคาตลาด (market capitalization) โดยมี market capitalization 7,189.93 ล้านบาท
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ. เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2556 โดยปัจจุบัน PACE เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ “มหานคร” บนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ที่เป็นโครงการลักษณะผสมผสาน (mixed use) ทั้งโรงแรมระดับ 5 ดาว “บางกอกเอดิชั่น” อาคารพักอาศัยระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ “เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก” และศูนย์การค้า “รีเทล คิวบ์” และ “รีเทล ฮิลล์” PACE มีทุนชำระแล้ว 2,054.3 ล้านบาท มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 1,454.3 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 600 ล้านหุ้น โดยบริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 29-31 กรกฎาคม 2556 ในราคาหุ้นละ 3.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนทั้งสิ้น 2,100 ล้านบาท มีบริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายสรพจน์ เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ PACE เปิดเผยว่า “PACE จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปซื้อที่ดินบางส่วนเพื่อพัฒนาโครงการวิลล่าที่หัวหินและโครงการคอนโดมิเนียม ถนนหลังสวน ชำระคืนเงินกู้บางส่วน สำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ รวมถึงซื้อหุ้นและรับโอนหนี้ตามสัญญาในบริษัท เพซ เรียลเอสเตท จำกัด บริษัท เพซ โปรเจ็ค วัน จำกัด บริษัท เพซ โปรเจ็ค ทู จำกัด และบริษัท เพซ โปรเจ็ค ทรี จำกัด ซึ่งเป็นกิจการที่ควบคุมร่วมกันกับไอบีซีไทยแลนด์”
หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ PACE 3 รายแรกได้แก่ กลุ่มเตชะไกรศรี ถือหุ้น 55.2% นายอภิชาติ เกษมกุลศิริ ถือหุ้น 4.4% และน.ส.ศิริอร อิศรางกูร ณ อยุธยา ถือหุ้น 3.9% การกำหนดราคาหุ้น IPO พิจารณาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) และอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E ratio) 15.8 เท่า ซึ่งคำนวณจากประมาณการกำไรสุทธิเฉลี่ยเฉพาะจากโครงการ “มหานคร” ปี 2556-2559 หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญก่อนการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ เท่ากับ 0.22 บาท โดย P/E ratio ของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ที่ 29.28 เท่า (ระหว่างวันที่ 24 มิ.ย.- 23 ก.ค.2556)
ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและสำรองตามกฎหมาย
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.pacedev.com และที่เว็บไซต์ www.set.or.th