กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา
หลังจากที่ได้มีการประกาศแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด(มหาชน) มร.เกิร์ด สตีบ ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทฯ กล่าวถึงหลักในการบริหารและความสามารถหลัก(Core Values) ที่ทำให้เซ็นทรัล เป็นหนึ่งในบริษัทที่ประสบความสำเร็จ และมีกำไร ในธุรกิจโรงแรมและการบริการในประเทศไทยว่า "การสร้างสรรค์ สิ่งใหม่ๆ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์และคุณภาพการบริการจะนำเราให้ก้าวไปสู่การเจริญเติบโตโดยเราจะมีโรงแรมทั้งสิ้น 22 แห่ง และ ร้านอาหาร 700 แห่ง ภายในปี พ.ศ.2533"
ในแผนการดำเนินงาน 5 ปีที่ให้กำลังใกล้จะเสร็จ เราได้มีวิสัยทัศน์และวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ดังนี้
ในด้านของธุรกิจโรง ธุรกิจโรงแรม เราได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจโรงแรมระดับ 4 ดาว และ 5 ดาวในประเทศไทยที่เป็นทั้งเจ้าของ และบริหารด้วยคุณภาพการบริการที่ให้ความรู้สึกของความเป็นไทย โดยมีทำเลที่ตั้งในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญทั่วประเทศ และนี่ก็เป็นสิ่งที่เราต้องการจะเป็น เราจะใช้ความคิดสร้างสรรค์ มีแนวคิดในการสร้างสรรค์ มีแนวคิดในการสร้างสิ่งใหม่ๆ รวมถึงด้านการดีไซน์ และการดำเนินธุรกิจ โดยพนักงานงานของเราในทุกระดับจะได้รับประโยชน์จากการเข้ารับการศึกษา และฝึกอบรม ซึ่งเราได้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จในด้านนี้" เขากล่าว "ในปีนี้ เราจะมีรีสอร์ทหรูรูปแบบใหม่แห่งแรกซึ่งจะเปิดบริการที่กระบี่ ให้บริการห้องพักที่มีขนาดใหญ่ถึง 70 ตารางเมตร พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกหรูหราครบครัน ซึ่งรับรองว่าจะต้องเป็นที่กล่าวขานในวงการท่องเที่ยวและโรงแรมอย่างแน่นอน" มร.เกิร์ด สตีบ กล่าวเพิ่มเติม
"ตามมาติดๆ ด้วยโรงแรมเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ, เซ็นทรัลพัทยาบีชรีสอร์ท และเซ็นทรัลภูเก็ต บีชรีสอร์ท โดยเราจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ เรายังมีที่ดินเปล่าที่เกาะลันตา, เกาะเต่า, ระยอง และฝึกอบรม ซึ่งเราได้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จในด้านนี้" เขากล่าว "ในปีนี้ เราจะมี รีสอร์ท หรูรูปแบบใหม่แห่งแรกซึ่งจะเปิดบริการที่กระบี่ ให้บริการห้องพักที่มีขนาดใหญ่ถึง 70 ตารางเมตร พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกหรูหราครบครัน ซึงรับรองว่าจะต้องเป็นที่กล่าวขานในวงการท่องเที่ยวและโรงแรมอย่างแน่นอน" มร.เกิร์ด สตีบ กล่าวเพิ่มเติม
"ตามมาติดๆ ด้วยโรงแรมเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ, เซ็นทรัลพัทยาบีชรีสอร์ท และเซ็นทรัลภูเก็ตบีชรีสอร์ท โดยเราจะไม่หยุดนิ่งอยู่เพียงแค่นี้ เรายังมีที่ดินเปล่าที่เกาะลันตา, เกาะเต่า, ระยอง และเกาะกูด ซึ่งเรากำลังศึกษาถึงศักยภาพทางการตลาด เพื่อการพัฒนาและสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดที่เหมาะสมในแต่ละทำเลที่ตั้ง นอกจากนี้แล้ว เรายังสนใจทำเลที่ตั้งที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามคือ เกาะช้าง ตรัง และพังงา ซึ่งเรากำลังมองหาทางเลือกเพื่อการพัฒนาในอนาคต
ทั้งนี้เราไม่ได้สนใจเพียงการเพิ่มจำนวนโรงแรมและจำนวนห้องพักเท่านั้น เรายังมีเป้าหมายที่จะพัฒนาบริการของเราให้มีคุณภาพเป็นเลิศอีกด้วย
เราจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของห้องพัก แนวคิด "เซ็นทรัลเบดรูม"(Central Bedroom) จะถูกสร้างสรรค์ขึ้น โดยจะนำเสนอความทันสมัย หรูหรา พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันซึ่งรวมไปถึงโทรทัศน์ และเทคโนโลยีสำหรับความบันเทิงต่างๆ นอกจากนั้น ยังมีแนวคิด "ซูพีเรีย บาธรูม หรือห้องน้ำระดับซูพีเรีย" (Superior Bathroom) อีกด้วย
สำหรับ"คลับฟลอร์"(Club Floor) เราจะดำเนินการให้มีบริการเพิ่มมากขึ้นในโรงแรมและรีสอร์ท ในเครือเซ็นทรัลในอนาคตอันใกล้นี้
นอกจากนั้นจะมีการเปิดตัวบริการใหม่สำหรับนักเดินทางสตรี เพื่อให้เหมาะสม และตอบสนอง ความต้องการของลูกค้ากลุ่มสำคัญกลุ่มนี้
ในการบริการด้านอาหารและเครื่องดื่มของธุรกิจโรงแรมก็มีการปรับเปลี่ยนทั้งด้านการพัฒนาไปสู่รูปแบบใหม่ ๆ และขยายเพิ่มขึ้นในโรงแรมที่เปิดให้บริการอยู่แล้วและในห้องอาหารที่กำลังเป็นที่นิยม เพื่อก่อให้เกิดศักยภาพสูงสุด เริ่มต้นจากรีสอร์ทใหม่ของเราที่กระบี่, ลูกค้าจะได้รื่นรมย์กับรูปแบบของสถานที่, ภาชนะ และอุปกรณ์ ข้าวของเครื่องใช้ ที่บ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์ของรีสอร์ท อีกทั้งได้ลิ้มลองเมนูเพื่อสุขภาพ จาก เซ็นทารา สปา, โปรแกรม "พ่อครัวรับเชิญ" จากทั่วทุกมุมโลก และขยายความประทับใจจากรูปแบบการให้บริการของห้องอาหาร "ซิโก้ บาร์ แอนด์ กริลล์" ที่เกาะสมุย
"บริษัทที่ดี ต้องขึ้นอยู่กับห้องพนักงานที่ดีด้วยเช่นกัน" มร.เกิร์ด สตีบ กล่าว "และผมก็ทราบถึงความสำคัญของนโนบายด้านทรัพยากรบุคคลที่มีผลต่อความสำเร็จของแผนงาน ใน 2-3 ปีข้างหน้านี้ เราจะมีการจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นจากเดิม 3,000 คน เป็นมากกว่า 7,000 คน มันเป็นไปไม่ได้เลยหากเราจะไม่ให้ความสนใจ หรือละเลยต่อการวางแผนการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ซึ่งเรามีความมั่นใจในเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง "โปรแกรมพัฒนาทรัพยากรบุคคลในระดับผู้บริหาร" ของเรา ขณะนี้นับเป็นปีที่ 3 ของความสำเร็จของแผนงานนี้แล้ว เรายังคงยืนยันที่จะทำอย่างต่อเนื่อง และเลือกสรรพนักงานผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากโปรแกรมดังกล่าว มาเข้าอบรม และพัฒนาในหลักสูตรเร่งรัดที่ครอบคลุมงาน ด้านบริหารทั้งในด้านการขาย, การตลาด, การเงิน และทรัพยากรบุคคล
"ระบบฝึกงาน" ในรูปแบบใหม่ก็จะมีขึ้นด้วย โดยจะเน้นฝึกให้เป็นพนักงานเป็นผู้ชำนาญการเฉพาะด้าน ซึ่งจะมีคุณภาพสูงขึ้นกว่าปัจจุบัน มุ่งริเริ่มและพัฒนาทักษะของพนักงานที่ต้องการให้บริการและสื่อสารโดยตรงกับแขก โดยใช้ชื่อสถาบันว่า "เซ็นทรัลอะคาเดมี"(Central Academe) หรือวิทยาลัยเซ็นทรัล ซึ่งเป็นหลักสูตรภาษาไทย
ด้านหลักสูตรการฝึกอบรมภาคภาษาอังกฤษก็จะยังคงมุ่งเน้น และสานต่อกับหลักสูตรของมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งริเริ่มในโปรแกรมด้านความชำนาญทางภาษาทั้ง 4 ระดับชั้น
จุดมุ่งหมายทั้งหมดทางด้านทรัพยากรบุคคลนี้ ออกแบบมาเพื่อสร้าง "คนรุ่นใหม่" สำหรับองค์กรเพื่อพัฒนาพนักงานระดับหัวหน้าแผนกและผู้จัดการที่เป็นคนไทย ซึ่งคัดสรรจากคนอายุน้อย, มีความฉลาดเฉลียว และเป็นกลุ่มคนที่มีพลัง"
เซ็นทรัลทาราสปา เป็นแบรนด์ที่โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทรัลเป็นเจ้าของ มร.เกิร์ด สตีบ ได้เน้น ถึงการเจริญเติบโต และศักยภาพของเซ็นทรัลทาราสปา โดยกล่าวว่า "เรามีเป้าหมายที่จะขยาย เซ็นทาราสปาทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศในแถบเอเซีย โดยจะพัฒนาด้วยตัวของเราเอง หรือร่วมกับหุ้นส่วนทางธุรกิจที่มีชื่อเสียง ทั้งนี้จะคงไว้ซึ่งผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสำหรับเมืองใหญ่, รีสอร์ท และสปาทั่วไปที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในโรงแรม(Day Spa Outlet) และยิ่งไปกว่านั้น เราจะร่วมกับมหาวิทยาลัยรังสิตเปิด "สปาอคาเดมี" (Spacademe) หรือวิทยาลัยสปา เพื่อให้การฝึกอบรมและพัฒนาผู้จัดการร้าน และพนักงานที่ให้บริการสปาแก่แขก(Therapist)
ถ้าจะให้พูดถึงเรื่องของเทคโนโลยีในการทำงาน มร.เกิร์ด สตีบ กล่าวว่า "ระบบ และเทคโนโลยีนับเป็นสิ่งสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่จะทำให้เรามีความสามารถในการแข่งขัน และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในยุคที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามเราก็ยอมรับว่าการนำเทคโนโลยีมาใช้ในบริษัท และธุรกิจของเราทั้งหมดเป็นทั้งโอกาสและในขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่ท้าทาย โดยในก้าวแรกเราได้ใช้เงินลงทุนถึง 100 ล้านบาท เพื่อซื้อระบบฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์สำหรับฝ่ายขายส่วนกลาง และ ฝ่ายสำรองห้องพักส่วนกลาง และ ลงทุนในระบบการบริหารงานรีสอร์ท (PMS) ซึ่งเราจะมีระบบนี้ครบทุกโรงแรมในเครือภายในไตรมาสแรกของปี พ.ศ.2549"
มร.เกิร์ด สตีบ สรุปโดยเน้นถึงเรื่องสำคัญสูงสุดคือ การประหยัดพลังงาน และพัฒนาสิ่งแวดล้อม "ท้ายสุด ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญทีเดียว นั่นก็คือนโยบายและแผนปฏิบัติงานในเรื่องของการประหยัดพลังงาน และการคำนึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมไปถึงการลงทุนในเครื่องซักผ้าระบบโอโซน การลงทุนในระบบ Heat Reclaim คือการใช้พลังงานเหลือใช้จากแอร์คอนดิชันในการทำน้ำร้อน การติดตั้งชิลเลอร์รักษาสิ่งแวดล้อม ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดการประหยัดพลังงานทั้งสิ้น
เราได้มีการริเริ่มทำสิ่งเหล่านี้อย่างจริงจัง และจะยังคงทำต่อไป โดยมีเป้าหมายที่จะประหยัดพลังงานอย่างน้อย 10 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี คิดเป็นเงินประมาณ 10 ล้านบาท และคิดเป็นยูนิตประมาณ 4,000,000 ยูนิต นอกจากนั้นยังจะมีการประหยัดพลังงานการใช้เครื่องและระบบต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อปี"
นายธีระเดช จิราธิวัฒน์ ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็น กรรมการผู้จัดการอาวุโส ของบริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงธุรกิจอาหาร ซึ่งบริหารงานโดย บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเขาได้กำหนดเป้าหมายและวิสัยทัศน์ ของธุรกิจ โดยกล่าวว่า "เราตั้งใจที่จะยกระดับ เซ็นทรับเรสเตอรองส์ กรุ๊ป ให้เป็นผู้นำในธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทย และยังคงยึดมั่นในพันธะสัญญาต่อตนเองในการที่จะให้ลูกค้าได้พบกับความแปลกใหม่ที่ไม่เหมือนเดิมจากสิ่งที่เคยได้รับในธุรกิจนี้
เป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้า ธุรกิจของเราจะมีไม่น้อยกว่า 700 สาขา ใน 6 แบรนด์นำที่มีอยู่(มิสเตอร์โดนัท, ไก่ทอดเคเอฟซี, ไอศกรีม บาสกิ้นรอบบิ้นส์, อานตี้แอนส์, พิซซ่า ฮัท และสเต็ก ฮันเตอร์) ด้วยอัตราการขายประจำปี มากกว่า 8,000 ล้านบาทในปี 2553
นายธีระเดช กล่าวต่อถึงลำดับความสำคัญในการเพิ่มแบรนด์ใหม่ ทั้งการพัฒนาโดยรวมและการเป็นแฟรนไชส์ ของแบรนด์ต่างชาติที่มีอยู่แล้ว โดยในเรื่องของการเปลี่ยนแนวโน้ม และนิสัยผู้บริโภค เขาเน้นด้านงานวิจัยและพัฒนา "มันเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะไม่มองแค่ผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ต้องศึกษาและเข้าใจการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเน้นถึงการเปลี่ยนวิถีการดำรงชีวิต และมีทางเลือกเพื่อสุขภาพ สิ่งที่น่าสนใจคือ รัฐบาลหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพของประชาชนอย่างจริงจัง"
"การพัฒนาธุรกิจ นอกจากการคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคแล้ว ยังต้องให้ความสำคัญกับความสะดวกของลูกค้าด้วย เพราะถ้าเมื่อใดที่ลูกค้าต้องการรับประทานอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่มที่อยู่ภายใต้กลุ่ม CRG แล้ว ไม่สามารถหาได้โดยสะดวก ก็เท่ากับว่า เราไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคได้ เราจึงวางแผนการเปิดสาขา โดยจะขยายเครือข่ายของธุรกิจในกลุ่ม CRG ให้ครอบคลุมทั่วภูมิภาคของประเทศไทย พร้อมทั้งเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย เข้าสู่ที่พักอาศัย และศูนย์การค้า เพื่อสนองต่อกลุ่มชุมชนใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต" เขากล่าวเพิ่มเติม
นอกจากนั้นเขาได้กล่าวเน้นถึงความสำคัญของการบริหารระบบซัพพลายเชน(Supply Chain) ซึ่งถือว่าประสบความเร็จ ด้วยจุดแข็งในเรื่องของความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรทางธุรกิจ และเช่นเดียวกับธุรกิจโรงแรม นโยบายที่ดีของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ รวมทั้งการเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ และใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารงานจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ฝ่ายสื่อสารการตลาด โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทรัล
โทร : 0-2937 2222 ต่อ 4208
แฟกซ์ : 0-2937 0970
E-mail : kanokroswo@chr.co.th--จบ--