กรุงเทพฯ--7 ส.ค.--มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย
เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าประเทศไทยถือเอาวันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ เพื่อเทิดพระเกียรติวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ
ในขณะเดียวกัน ทั่วโลกต่างระลึกถึงวันที่ 12 สิงหาคม ในฐานะวันเยาวชนสากล (International Youth Day) โดยในปีนี้เนื้อหาจะมุ่งไปที่ประเด็นของการย้ายถิ่นฐานของเยาวชน
การสนับสนุนให้เยาวชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อชีวิตพวกเขา เป็นการขับเคลื่อนในรูปแบบหนึ่ง ที่องค์กรระหว่างประเทศอย่างมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในชุมชน
ในเดือนสิงหาคมนี้ มูลนิธิศุภนิมิต และสำนักป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าหญิงและเด็ก ภายใต้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พร้อมด้วยองค์กร Save the Children และ MTV Exit ได้ร่วมกันจัด “การสัมมนาเชิงปฏิบัติการด้านสื่อสำหรับเยาวชนในภูมิภาค โดยเวทีเยาวชนลุ่มแม่น้ำโขง” (Regional Youth Media Workshop by Mekong Youth Forum) ที่จังหวัดเชียงราย
การสัมมนานี้ ถูกจัดขึ้นเพื่อให้เยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกกว่า 36 คน มาร่วมกันพัฒนานโยบายการต่อต้านการค้ามนุษย์และการย้ายถิ่นฐานข้ามชายแดนอย่างปลอดภัย โดยแต่ละกลุ่มจะนำเสนอข้อคิดให้กับเจ้าหน้าที่ภาครัฐจากหกประเทศในแถบลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อนำไปปฏิบัติต่อไป
“การจัดเวทีเยาวชนในครั้งนี้ ก็เพื่อสร้างความตระหนักถึงภัยอันตราย ที่เยาวชนในภูมิภาคอาเซียนกำลังเผชิญอยู่ พวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางการถูกคุกคามรายวัน ทั้งการถูกชักนำเข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์ข้ามชายแดน หรือถูกขายให้ตกเป็นทาสในรูปแบบใหม่ๆ” คุณ Agnes Ting ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกขององค์กรศุภนิมิต กล่าว “เราได้ร่วมมือกับรัฐบาลของประเทศต่างๆ ทั่วภูมิภาคเพื่อหาทางขจัดภัยคุกคามดังกล่าวให้หมดสิ้นไป”
นายไพบูลย์ บุญประเสริฐ เป็นเยาวชนตัวแทนจากมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ที่เคยได้มีโอกาสเข้าร่วมในเวทีเยาวชนลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อร่วมหาทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการค้ามนุษย์
ช่วงสามปีที่ผ่านมา ไพบูลย์ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานประชุมในระดับท้องถิ่นและภูมิภาคกว่า 12 งาน ภายใต้หัวข้อเกี่ยวกับการศึกษา การค้ามนุษย์ และการย้ายถิ่นฐาน โดยได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิศุภนิมิตฯ
ไพบูลย์เติบโตขึ้นในชุมชนแออัดแห่งหนึ่งในใจกลางกรุงเทพฯ เมื่ออายุ 10 ขวบเขาและสมาชิกครอบครัวได้รับการช่วยเหลือจากมูลนิธิศุภนิมิตฯ
“มูลนิธิศุภนิมิตฯ ช่วยแบ่งเบาภาระเรื่องค่าเล่าเรียนของผม ทำให้ผมเรียนหนังสือได้อย่างต่อเนื่องครับ” ไพบูลย์นึกย้อนหลัง
เด็กหนุ่มวัย 23 ปีคนนี้ ได้สัมผัสกับปัญหาของเยาวชนมาอย่างมากมาย ตอนที่เขาเรียนอยู่ในชั้นมัธยมปลาย เขาได้ชักชวนให้เด็กๆ ในชุมชนที่เสี่ยงต่อการติดยาเสพติดและการแสวงหาประโยชน์ หันมาทำกิจกรรมร่วมกับมูลนิธิศุภนิมิตฯ “เมื่อน้องๆ ได้ทำกิจกรรมกลุ่ม พวกเขาจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยว และโอกาสที่จะทำอะไรออกนอกลู่นอกทางก็น้อยลง และพวกเขายังเรียนหนังสือดีขึ้นอีกด้วย” ไพบูลย์ตั้งข้อสังเกต
หลังจากนั้น ไพบูลย์ก็เป็นอาสาสมัครให้กับมูลนิธิศุภนิมิตฯ โดยช่วยดูแลสภาพความอยู่ดีมีสุขของเด็กกว่า 300 คน ในกว่า 42 ชุมชนของเขตจตุจักร
จากประสบการณ์ของไพบูลย์ เขามองว่าการย้ายถิ่นฐานที่ไม่ปลอดภัยนั้น มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งในจังหวัดชายแดนของประเทศ เพราะเป็นบริเวณที่มีเด็กซึ่งอยู่ในภาวะเสี่ยงอาศัยกันอยู่มาก
“ในที่พักของแรงงานอพยพที่จังหวัดตาก ซึ่งผมได้มีโอกาสไปสัมผัสมา ทำให้ผมรู้ว่าเด็กๆ ที่อาศัยตามตะเข็บชายแดนอยู่ในภาวะเสี่ยงมากกว่าเด็กในกรุงเทพฯ” เขากล่าว
การเดินทางในครั้งนั้น ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ไพบูลย์ อยากสวมบทบาทเป็นเจ้าหน้าที่ภาคสนามของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ในอนาคต เขาใฝ่ฝันที่จะทำงานกับเด็กในพื้นที่ตะเข็บชายแดน เช่นจังหวัด ระนอง กาญจนบุรี ตาก เชียงราย มุกดาหาร และสระแก้ว เป็นต้น
คุณจิตรา ธรรมบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตฯ ได้กล่าวชักชวนให้คนหนุ่มสาว เข้ามามีส่วนเป็นกระบอกเสียงให้กับเยาวชน เช่นเดียวกับไพบูลย์
“ปัจจุบันมูลนิธิศุภนิมิตฯ มีเด็กในความอุปการะมากกว่า 110,000 คนทั่วประเทศ เราได้แก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เยาวชนเหล่านี้เผชิญอยู่มานานถึง 39 ปี และได้เห็นพวกเขาก้าวขึ้นมาเป็นนักรณรงค์ที่เป็นปากเสียงแทนเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันได้อย่างทรงพลัง” คุณจิตรา อธิบาย
“เยาวชนจะสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่ ก็ต่อเมื่อพวกเขาได้รับโอกาส สิทธิ และได้รับการเสริมสร้างทางด้านพลังความคิด เด็กๆ เป็นอนาคตของประเทศชาติ ดังนั้นการส่งเสริมให้ความคิดของพวกเขาเจริญงอกงาม ย่อมเป็นประโยชน์กับประเทศชาติอย่างมหาศาล” คุณจิตรา กล่าว
ติดต่อ:
มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย
0-2381-8863-5
www.worldvision.or.th