กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--IR network
บมจ.คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น หรือ CSS ควง บริษัท ทริปเปิ้ล เอ พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และ บล. ฟินันเซีย ไซรัส แกนนำอันเดอร์ไรท์ เริ่มเดินสายโรดโชว์พบนักลงทุน 4 จังหวัด ระหว่างวันที่ 13, 14, 19 และ 20 สิงหาคมนี้ เปิดฉากเรียกความเชื่อมั่นเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 200 ล้านหุ้น ให้กับนักลงทุนหาดใหญ่ ขอนแก่น กรุงเทพฯ และปิดท้ายขบวนที่เชียงใหม่ “สมพงษ์ กังสวิวัฒน์” วางแผนนำเงินจากการระดมทุนก่อสร้างคลังสินค้าและอาคารสำนักงานแห่งใหม่ต่อยอดธุรกิจในอนาคตเติบโตแข็งแกร่ง มั่นใจด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายและการให้บริการติดตั้งสายไฟฟ้าและอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบงานไฟฟ้า รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันไฟลามจากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกผลงานโตต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจกระแสตอบรับจากนักลงทุนดีเยี่ยม
นางสาวปิ่นมณี เมฆมัณฑนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริปเปิ้ล เอ พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด ใน ฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ CSS เปิดเผยว่า มีแผนที่จะนำ CSS เดินสายนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) เพื่อนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุนอย่างละเอียด และมีความเข้าใจในพื้นฐานธุรกิจมากขึ้น ก่อนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 200 ล้านหุ้น ภายในไตรมาส3/2556 นี้ โดยจะทำการโรดโชว์ทั้งสิ้น 4 จังหวัด ประกอบด้วย หาดใหญ่เป็นแห่งแรก ซึ่งจะโรดโชว์ในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ และในวันที่ 14 สิงหาคมโรดโชว์ที่จังหวัดขอนแก่น, วันที่ 19 สิงหาคมโรดโชว์ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และปิดท้ายที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 20 สิงหาคมนี้
นายสมพงษ์ กังสวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น(CSS) กล่าวว่า การเดินทางไปโรดโชว์ให้กับนักลงทุนระหว่างวันที่ 13, 14, 19 และ 20 สิงหาคมนี้ บริษัทจะนำเสนอข้อมูลของบริษัทให้กับนักลงทุน เพื่อให้เกิดความเข้าใจในลักษณะการประกอบธุรกิจ โดยมีความมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เพราะนอกจากธุรกิจจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องแล้ว ธุรกิจการเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายและการให้บริการติดตั้ง สายไฟฟ้าและอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ระบบงานไฟฟ้า รวมถึงวัสดุและอุปกรณ์ป้องกันไฟลามจากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก และดำเนินธุรกิจให้บริการติดตั้ง บริการออกแบบ จัดหา และติดตั้งระบบโทรคมนาคมและระบบป้องกันไฟลาม รวมทั้งให้บริการงานด้านบำรุงรักษาระบบโทรคมนาคมยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งการตัดสินใจระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ CSS จะนำเงินไปใช้ไปใช้ในการก่อสร้างคลังสินค้าและอาคารสำนักงานแห่งใหม่และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยเรามีเป้าหมายที่จะพัฒนาและขยายธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่องไปในอนาคตได้อย่างยั่งยืน ที่สำคัญสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้น
“ที่ผ่านมา CSS มีพื้นฐานทางด้านธุรกิจที่แข็งแกร่งมาโดยตลอด ส่งผลทำให้ผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี และมีโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคตได้อีกมาก อีกทั้งผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายยังได้มาตรฐานระดับสากล เป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่มีชื่อเสียง CSS จึงได้รับการยอมรับในเรื่องของคุณภาพสินค้าและบริการ ซึ่งจากจุดเด่นที่กล่าวมานั้น ทำให้เชื่อว่าเมื่อหุ้น CSS เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้ได้รับความสนใจจากนักลงทุน” นายสมพงษ์กล่าว
ด้านนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด(มหาชน) ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ CSSกล่าวว่า การโรดโชว์เพื่อให้ข้อมูลกับนักลงทุนในครั้งนี้ จะทำให้นักลงทุนรู้จักและเข้าใจลักษณะการดำเนินธุรกิจของ CSS มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงแผนการดำเนินงานในอนาคตของ CSS และยังเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอีกด้วย โดย CSS เป็นบริษัทที่มีความโดดเด่นอย่างมาก เนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้นำในการจัดจำหน่ายสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าของผู้ผลิตชั้นนำระดับสากลแบบครบวงจร (One-Stop Service) ประกอบกับศักยภาพในการเติบโตจากธุรกิจการให้บริการติดตั้งระบบโทรคมนาคม โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รายได้จากการให้บริการติดตั้งระบบเสาโทรคมนาคมของบริษัทฯ เติบโตเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 122 ต่อปี และคาดว่ารายได้ดังกล่าวจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายเสาโทรคมนาคมและติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อรองรับการขยายโครงข่ายบริการ 3G ของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ จากการเติบโตของรายได้ที่มีอย่างต่อเนื่อง จึงน่าจะเป็นจุดเด่นที่ทำให้นักลงทุนสนใจ และได้รับการตอบรับที่ดี
บริษัทมีทุนจดทะเบียน 350 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 700 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนเรียกชำระแล้ว 250 ล้านบาท หุ้นสามัญจำนวน 500 ล้านหุ้น จะเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทต่อประชาชนทั่วไปและกลุ่มพนักงานในครั้งนี้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 28.57 ของทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ