กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
DRT ดันสินค้าอิฐมวลเบาเป็นหัวหอกทำตลาด ในช่วงไตรมาส 3 หวังเสริมศักยภาพการแข่งขัน เจาะอสังหาริมทรัพย์แนวราบและแนวสูง มั่นใจแบรนด์แข็งแกร่งช่วยหนุนยอดขายจากทุกช่องทางการจำหน่ายให้เติบโต ชี้ความต้องการตลาดวัสดุก่อสร้างในต่างจังหวัดมีความคึกคัก เผยผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกทำรายได้ 2,272.79 ล้านบาท กำไรสุทธิ 293.15 ล้านบาท ลั่นสิ้นปีเติบโต 10% ตามเป้า
นายอัศนี ชันทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ พื้นไม้ลามิเนต แผ่นบอร์ด ยิปซัม และบริการหลังการขาย ภายใต้ แบรนด์ ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานตามงบการเงินรวมในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ (เมษายน-มิถุนายน 2556) บริษัทฯ มีรายได้ 1,116.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.39% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ทำรายได้ 1,011.41 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 138.20 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่มีราคาปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะปูนซีเมนต์ รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในโรงงานอิฐมวลเบา
สำหรับครึ่งปีแรกที่ผ่านมา (มกราคม-มิถุนายน 2556) บริษัทฯ มีรายได้ 2,272.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่ทำรายได้ 2,062.78 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 293.15 ล้านบาท ลดลง 12.34% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 334.43 ล้านบาท เนื่องจากในปีก่อนมีกำไรจากการขายที่ดินที่ไม่ได้ใช้งานจำนวน 43.97 ล้านบาท หากไม่นับรวมแล้ว กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติในงวดหกเดือนปี 2556 สูงขึ้นกว่างวดเดียวของปีก่อนเล็กน้อย
นายอัศนี กล่าวด้วยว่า ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งอยู่ในช่วงฤดูฝน ปกติจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของสินค้ากลุ่มหลังคา แต่ในปีนี้บริษัทฯ จะมีการรับรู้รายได้จากอิฐมวลเบาตราเพชรเข้ามาเสริม โดยความต้องการสินค้าอิฐมวลเบายังคงมีสูงในช่วงฤดูฝน
“การเติบโตของช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ ลูกค้าต่างประเทศและลูกค้าโครงการ ในช่วงครึ่งปีแรกนับว่ามีอัตราการเติบโตที่สูง โดยเติบโตเป็นเลข 2 หลัก เนื่องจากยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องในการสร้างความหลากหลายของสินค้าและบริการ ที่สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ในแบรนด์เดียว และยิ่งครึ่งปีหลัง คือไตรมาสที่ 3 และ 4 ที่อิฐมวลเบาเข้าสู่ตลาดเต็มที่ จะเป็นแรงหนุนสำคัญที่ส่งผลให้ผลการดำเนินงานเติบโตได้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา” นายอัศนี กล่าว
ด้านนายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าวว่า ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มองว่ายังมีอัตราการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะตลาดในต่างจังหวัด เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากการลงทุนขยายสาขาห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ และการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งแนวราบและแนวสูงของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามหัวเมืองใหญ่ ส่งผลให้มีความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ DRT มองว่า การรุกตลาดอิฐมวลเบาของตราเพชรในครั้งนี้ เป็นจังหวะดีที่เข้ามาช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันเพื่อรุกกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวสูงได้เพิ่มขึ้น จากเดิมที่สินค้าตราเพชรจะอยู่ในกลุ่มสินค้าแนวราบเป็นหลัก โดยบริษัทฯ ประเมินว่าสายการผลิตอิฐมวลเบาทั้ง 2 โรงงาน จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 60 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งเป็นแรงหนุนสำคัญที่ส่งผลต่อผลการดำเนินไตรมาส 3 และภาพรวมในครึ่งปีหลังให้สามารถเติบโต ส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้ให้เติบโตได้ 10% ตามเป้าที่วางไว้