กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิชุดใหม่ ของบมจ. ปูนซีเมนต์ไทย หรือ SCC (ซึ่งมีอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘A(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1(tha)’) ครั้งที่ 2/2556 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2560 มูลค่าไม่เกินสองหมื่นล้านบาท ที่ระดับ ‘A(tha)’ โดยเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้จะนำไปใช้สำหรับชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดและใช้สำหรับการลงทุนในอนาคต
หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทฯ เนื่อง จากหุ้นกู้ดังกล่าวมีสถานะเท่าเทียมกับหนี้ไม่มีหลักประกัน และไม่ด้อยสิทธิของบริษัทฯ
ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
ธุรกิจหลักที่หลากหลาย — อันดับเครดิตสะท้อนถึงธุรกิจของบริษัทฯ ที่มีการกระจายความเสี่ยงของแหล่งที่มาของรายได้จากธุรกิจต่างๆ ซึ่งได้ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในการสร้างกระแสเงินสด โดยเฉพาะในช่วงที่สภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจของธุรกิจปิโตรเคมี มีความท้าทายในช่วงหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา รายได้จากธุรกิจปูนซีเมนต์และธุรกิจกระดาษที่เพิ่มขึ้นน่าจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของรายได้จากธุรกิจปิโตรเคมีในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า
ผู้นำในธุรกิจ — สถานะความเป็นผู้นำในแต่ละธุรกิจหลักของบริษัทฯ ซึ่งได้แก่ ธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง และธุรกิจกระดาษ เป็นปัจจัยหลักที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับบริษัทฯ ฟิทช์คาดว่าบริษัทฯ น่าจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจหลักเหล่านี้ได้ในอีกห้าปีข้างหน้า
อัตราส่วนกำไรที่ดีขึ้น — อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทฯ น่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2556 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของธุรกิจปิโตรเคมี รวมถึงกำไรจากธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างที่น่าจะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2555
อัตราส่วนหนี้สินที่สูง — ฟิทช์คาดว่า อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (รวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม) ของบริษัทฯ จะยังคงอยู่ในระดับที่สูงในปี 2556 จากแผนการลงทุนที่สูง ทั้งนี้อัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวของ SCC น่าจะอยู่ในระดับ 3.25 เท่าถึง 3.5 เท่าในปี 2556 ถึง 2557 (ปี 2555 อยู่ที่ 3.7 เท่า)
ความผันผวนของธุรกิจ — อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงการที่บริษัทฯ ต้องเผชิญกับความผันผวนของธุรกิจปิโตรเคมี ความสามารถที่จำกัดในการกำหนดราคาในกลุ่มสินค้าประเภทโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัทฯ รวมถึงการที่กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทฯ อ่อนไหวต่อราคาพลังงานที่อาจสูงขึ้น
ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยบวก:
-การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของสัดส่วนของกระแสเงินสดที่มาจากธุรกิจในต่างประเทศ
-อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ต่อรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากและต่อเนื่อง
-อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (รวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม) ที่ต่ำกว่า 2.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยลบ:
-อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ต่อรายได้ รวมถึงกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ที่ลดลงอย่างมากและต่อเนื่อง
-สถานะทางการเงินของบริษัทฯ ที่อ่อนแอลงจากวัฏจักรขาลงของธุรกิจปิโตรเคมีที่ต่อเนื่องยาวนานกว่าที่คาด หรือจากการเข้าซื้อกิจการด้วยเงินลงทุนที่สูง ซึ่งทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (รวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม) สูงกว่า 3.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง