กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--เดอะ เวย์ คอมมิวนิเคชั่น
บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด หรือ ITI แจ้งผลประกอบการครึ่งปีแรก เติบโตกว่า 14 % เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมกวาดรายได้ครึ่งปีแรกที่ 2,322 ล้านบาท เผยเหตุรายได้โตจากยอดขายในกลุ่มเครื่องจักรกลหนักที่มียอดกว่า 79% จากรายได้ทั้งหมด มั่นใจธุรกิจครึ่งปีหลัง เติบโตต่อเนื่อง มุ่งที่กลุ่มผู้รับเหมารายใหญ่ (Key Account) คาดอัตราการเติบโตเป็นไปตามเป้าหมาย 4,380 ล้านบาท
นายศรัณย์ เวียงสงค์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด หรือ ITIเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรก (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2556) ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม2,322 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 14 % เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยกลุ่มธุรกิจหลักของทาง ITI คือ เครื่องจักรกลหนัก (Heavy Machinery) ซึ่งมี Volvo Construction Equipment (Volvo CE) เป็นแบรนด์หลัก โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็น Top 5 อยู่ที่ 12% และ เครื่องจักรกลหนักที่สำคัญอีกตัวหนึ่งคือ เครนจากประเทศญี่ปุ่นยี่ห้อ Tadano ซึ่งในปีที่ผ่านมามีการเติบโตสูงถึง 20% โดยคาดการณ์ว่าจะปิดตัวเลขที่ประมาณ 1,000 ล้านบาทในปีนี้ ส่วนแบรนด์อันดับรองๆลงไป ได้แก่ SDLG ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ภายใต้ Volvo CE, Bobcat, Doosan, เครื่องบดเคลื่อนที่ Terex, เครื่องปั่นไฟทั้งระบบดีเซล FG Wilson และระบบแก๊สธรรมชาติเพื่อผลิตกระแสไฟขายให้กับการไฟฟ้ายี่ห้อ MWM นอกจากนี้ ITI ยังมีรถยก Forklift ยี่ห้อ Clark จากออสเตรเลีย ที่กำลังเริ่มทำการตลาด
“รายได้ส่วนใหญ่มาจากยอดขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยอดขายจากกลุ่มเครื่องจักรกลหนัก ทั้งในประเทศไทยและลาว ซึ่งมียอดขายคิดเป็น 79% ของรายได้ทั้งหมด หรือประมาณ 3,474 ล้านบาทที่คาดว่าจะได้รับในปีนี้ รองลงมาจะเป็นกลุ่ม Parts & Services 9 % โดยมีรายได้ประมาณ 414 ล้านบาท อันดับ 3 กลุ่ม Power Gen สัดส่วน 7 % มีรายได้ประมาณ 303 ล้านบาท และตามด้วยกลุ่ม Food & Beverages มีสัดส่วน 4 % หรือมีรายได้ประมาณ 164 ล้านบาท ” นายศรัณย์กล่าว
นายศรัณย์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับผลการดำเนินงานทั้งปี 2556 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจตามแผน โดยจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้รับเหมารายใหญ่ (Key Account) ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดรายได้เป็นสัดส่วนที่เติบโตขึ้นมากถึง 89% จากปีก่อน รวมถึงงานขายในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่มีอัตราการเติบโตที่น่าพอใจถึง 23% และผลิตภัณฑ์เคลื่อนย้ายลำเลียงที่จะมีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างสูงเช่นกัน
ทั้งนี้ ทางบริษัทฯ มีแผนการขยายตัวเพื่อรองรับการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ( AEC) โดยจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาศักยภาพในประเทศเป็นหลัก เพิ่มสาขา พัฒนาคุณภาพและเพิ่มปริมาณของช่างที่มีความชำนาญเพื่อรองรับการขยายตัวไปในทุกภาคของประเทศ อาทิ การเปิดสาขาในจังหวัดขอนแก่น จังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งการขยายการให้บริการแบบครบวงจรที่เปิดให้บริการแล้วที่สาขามหาชัยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
“ส่วนเป้าหมายยอดขายในปี 2557 บริษัทฯ วางแผนการเติบโตในระดับ 10% โดยยังคงเน้นที่ Volvo CE เป็นหลัก อีกทั้งเรายังผลักดันและกระจายการรับรู้ของแบรนด์รองอย่าง SDLG ให้เป็นที่รับรู้มากยิ่งขึ้น โดยเจาะในภาคเกษตรกรรมของภาคกลางและภาคใต้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผนในการเปิดสาขาเพิ่มที่ปากเซ เพื่อขายและให้บริการในภาคใต้ของลาว รวมถึงแผนการพัฒนาสาขาที่จังหวัดอุบลราชธานี ให้เป็นจุดรับและกระจายสินค้าข้ามไปยังปากเซ โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปีหน้า ส่วนในพม่า จะเป็นลักษณะการขายให้กับผู้รับเหมารายใหญ่ หรือ Key Account ซึ่งเข้าไปบริการหรือทำโครงการต่างๆ” นายศรัณย์ กล่าวสรุปในตอนท้าย