กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--คาร์ลบายร์แอนด์แอสโซซิเอทส์
ในภาพจากซ้ายฯพณฯ รอล์ฟ ชูลเซ่ เอกอัครราชทูตเยอรมณีประจำประเทศไทย,มร.ปีเตอร์ วูล์ฟ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอร์ริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด, ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, มร.แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย, มร. คาร์ล-ไฮนซ์ เฮคเฮาเซ่น ประธานหอการค้าเยอรมัน-ไทย,คุณจตุพล พุทธวิบูลย์ ผู้จัดการทั่วไป มินิ ประเทศไทยและ คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยถ่ายภาพร่วมกัน ในพิธีเปิดการขยายสายประกอบรถยนต์ มินิ คันทรี่แมนณ บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอร์ริ่ง ประเทศไทย พร้อมเปิดตัวรถยนต์มินิคันทรี่แมนทั้ง 3 รุ่นได้แก่มินิคูเปอร์มินิคูเปอร์ดีและมินิคูเปอร์เอสดีที่ได้รับการประกอบขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรก
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตอบสนองความต้องการรถยนต์ระดับหรูแบรนด์มินิที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค เริ่มการประกอบสำหรับรถยนต์มินิ คันทรี่แมนเป็นครั้งแรกที่โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอร์ริ่ง นิคมอุตสาหกรรมอมตะ จ.ระยอง ถือเป็นอีกขั้นแห่งความสำเร็จของมินิ นับตั้งแต่เริ่มผลิตรถยนต์มินิคันแรกเมื่อปี พ.ศ. 2502 ณ เมืองอ๊อกซฟอร์ด สหราชอาณาจักรพิธีเปิดการขยายสายการประกอบรถยนต์ใหม่นี้จัดขึ้นที่โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู จ.ระยอง โดยมีทั้งตัวแทนจากภาครัฐ พันธมิตรธุรกิจ สื่อมวลชน และทีมงานของบีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ป เข้าร่วมฉลองความสำเร็จที่สำคัญอีกก้าวของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป พร้อมเปิดตัวรถยนต์มินิ ทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ มินิ คูเปอร์คันทรี่แมน, มินิ คูเปอร์ ดี คันทรี่แมน และ มินิ คูเปอร์ เอสดี ออลโฟร์ คันทรี่แมน ที่ได้รับการประกอบขึ้นในประเทศอีกด้วย
การขยายสายการประกอบรถยนต์มินิใหม่นี้จะช่วยตอบสนองความต้องการรถยนต์มินิที่เพิ่มสูงขึ้นของตลาดภายในประเทศ โดยในปี พ.ศ. 2556 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปประเทศไทยคาดว่าจะสามารถทำลายสถิติยอดจำหน่ายรถยนต์มินิของปี พ.ศ. 2555 ที่ทำไว้ 501คัน รวมถึงการประกอบรถยนต์เพื่อรองรับยอดขายที่จะเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงในปีต่อๆ ไป
มร. แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “การขยายสายการประกอบรถยนต์มินิ คันทรี่แมนซึ่งได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในประเทศไทย ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป สอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ของเราเนื่องจากตลาดในประเทศไทยให้ความสำคัญต่อยนตรกรรมที่มาพร้อมนวัตกรรมอันล้ำสมัย พร้อมด้วยสมรรถนะที่เต็มเปี่ยม ในขณะเดียวกัน การเปิดสายการประกอบรถยนต์ใหม่นี้ยังเป็นการตอกย้ำพันธกิจของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป อย่างชัดเจนต่อการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างยาวนานและมั่นคง รวมถึงความมั่นใจของเราว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านยนตรกรรมที่มั่นคงของภูมิภาคอาเซียน”
มร. ปีเตอร์ วูลฟ์ กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอร์ริ่ง ประเทศไทย กล่าวถึงการขยายสายการประกอบที่โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ครั้งนี้ ว่า “นับตั้งแต่โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอร์ริ่ง ประเทศไทยเริ่มดำเนินธุรกิจในเดือนเมษายน พ.ศ. 2543 บริษัทฯ ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพและประสิทธิภาพในการประกอบรถยนต์ที่มีความหลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ซึ่งปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สำคัญมาจากการทุ่มเทแรงกายแรงใจของทีมงานคนไทยที่เปี่ยมไปด้วยทักษะและความสามารถ บริษัทฯ จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สามารถประกอบรถยนต์มินิ คันทรีแมนซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมเพิ่มเติมขึ้นในสายการผลิต เพื่อเป็นการขยายศักยภาพสูงสุดของกำลังการประกอบรถยนต์ รวมถึงเป็นการสร้างงานให้กับภาคอุตสาหกรรม และยังคงรักษาระดับคุณภาพตามมาตรฐานสากลของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป สำหรับทั้งรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิอีกด้วย”
รายละเอียดด้านเทคนิคและราคารถยนต์มินิ คันทรี่แมน
MINI Cooper Countryman Look1 MINI Cooper Countryman Look2 MINI Cooper D Countryman Look1 MINI Cooper D Countryman Look2 MINI Cooper SD ALL4 Countryman
รายละเอียดด้านเทคนิค
เครื่องยนต์4 สูบ 1.6 ลิตร 1.6 ลิตร 2.0 ลิตร 2.0 ลิตร 2.0 ลิตรพร้อม เทอร์โบชาร์จเจอร์
พร้อม เทอร์โบชาร์จเจอร์ พร้อม เทอร์โบชาร์จเจอร์
แรงม้าสูงสุด (กิโลวัตต์ (แรงม้า) / รอบต่อนาที) 90/122/6000 90/122/6000 82/112/4000 82/112/4000 105/143/4000
แรงบิดสูงสุด 160/4250 160/4250 270/1750-2250 270/1750-2250 305/1750-2700
(นิวตันเมตร / รอบต่อนาที)
ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ (กม. / ชม.) 182 182 180 180 193
อัตราเร่ง0-100 กม. / ชม. (วินาที) 11.6 11.6 11.3 11.3 9.5
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ย (กม. / ลิตร) 13.8 13.8 17.9 17.9 16.4
อัตราปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 168 168 149 149 160
โดยเฉลี่ย (กรัม / กม.)
ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) 1,840,000 1,990,000 2,040,000 2,190,000 2,490,000
โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป จ.ระยอง โดดเด่นด้วยศักยภาพและประสิทธิภาพที่มีความหลากหลาย
บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอร์ริ่ง ประเทศไทย เริ่มเดินสายการผลิตเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2543 สามารถประกอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูได้มากถึง 5 ซีรี่ส์ (ซีรี่ส์ 3, ซีรี่ส์ 5, ซีรี่ส์ 7, X1 และ X3)รวมทั้งหมดถึง 22 รุ่น ด้วยพื้นที่การผลิตที่ครอบคลุมมากกว่า 75,000 ตารางเมตร (ประมาณ 250,000 ตารางฟุต) ตั้งอยู่ ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะ จ.ระยอง ห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 114 กิโลเมตร (70 ไมล์) โดยมีทีมงานทั้งหมดกว่า 400 คน
ด้วยเทคโนโลยีเครื่องจักรอันทันสมัย ทีมงานที่พร้อมด้วยทักษะความสามารถระดับสูง และกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ทำให้โรงงานบีเอ็มดับเบิลยูสามารถควบคุมการผลิตอย่างเข้มงวด เพื่อให้ได้ยนตรกรรมระดับหรูเปี่ยมด้วยคุณภาพระดับมาตรฐานสากลในทุกๆ รุ่น โดยนับตั้งแต่มีการก่อตั้งบีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอร์ริ่ง ประเทศไทยขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2543 บริษัทฯ เป็นส่วนสำคัญในการเสริมศักยภาพการแข่งขันของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในตลาดประเทศไทยซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการขยายสายการประกอบรถยนต์สำหรับมินิ คันทรี่แมน
การขยายศักยภาพในการผลิตและโครงข่ายการประกอบรถยนต์ทั่วโลก
การเสริมศักยภาพและประสิทธิภาพในการผลิตและประกอบรถยนต์ระดับโลกเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่กำลังเติบโตเช่นประเทศไทย เพื่อให้สามารถรองรับการผลิตและประกอบรถยนต์ที่มีความรวดเร็วและหลากหลายมากที่สุด จากสถิติ เมื่อปี พ.ศ. 2555 มินิมียอดจำหน่ายรถยนต์ถึง 301,526 คันทั่วโลก โดยมีการเติบโตมากกว่าปีก่อนๆ ถึงร้อยละ 31 ในทวีปเอเชีย ขณะเดียวกัน ยอดขายรถยนต์มินิในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2555 สูงถึง 501 คัน ถือเป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่ดำเนินกิจการมา นอกจากนี้ มินิมีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าขยายประสบการณ์สำหรับแบรนด์ระดับโลกอันเป็นตำนานของมินิอย่างต่อเนื่องในปีถัดจากนี้ โดยการขยายศักยภาพและเครือข่ายการผลิตทั่วโลกอันเป็นความมุ่งหมายเพื่อช่วยเสริมกระบวนการดังกล่าวเช่นกัน
โรงงานประกอบรถยนต์ทั่วโลกและผู้นำแห่งอุตสาหกรรยานยนต์ในด้านความยั่งยืน
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก โดยผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์ BMW, MINI และ Rolls-Royce พร้อมด้วยเครือข่ายการผลิตและประกอบรถยนต์ 28 แห่งใน 13 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีเครือข่ายจำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก
ในปี พ.ศ. 2555 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปมียอดขายรถยนต์ 1.85 ล้านคัน รถมอเตอร์ไซค์มากกว่า117,000 คัน และมีพนักงานรวมถึง 105,876 คน เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปเกิดจากวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และมอบบริการอย่างดีที่สุดให้แก่ลูกค้า เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการใส่ใจในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในทุกผลิตภัณฑ์และทุกขั้นตอนการผลิต และจากความมุ่งมั่นและความพยายามอย่างไม่ลดละ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปจึงได้รับการจัดอันดับให้ผู้นำแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์ในด้านเทคโนโลยีอนาคตที่ยั่งยืนโดยสถาบันดาวโจนส์ มาแล้วถึง 8 ปีติดต่อกัน