กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--ธามดี พลัส
“ไฮโดรเท็ค” ระบุภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลังสดใสมากกว่าครึ่งปีแรก โดยในประเทศกวาดเพิ่ม 2 โครงการ มูลค่ารวม 280 ล้านบาท ดันมูลค่างานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) พุ่งมาอยู่ที่14,680 ล้านบาท ด้านธุรกิจในต่างประเทศการันตรีอย่างน้อย 1 โครงการ พร้อมวางเป้าหมายระยะยาว 3 ปี (2557-2559) รายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% พร้อมก้าวขึ้นสู่บริษัทวิศวกรรมด้านก่อสร้าง การบริหารจัดการและลงทุนงานวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคอาเซียน
นายสลิบ สูงสว่าง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฮโดรเท็ค จำกัด (มหาชน) หรือ HYDRO ผู้ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง งานด้านบริหารจัดการและธุรกิจลงทุนงานวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมเปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยแบ่งเป็นธุรกิจในประเทศไทยล่าสุดบริษัทได้งานใหม่เพิ่มขึ้นจำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 280 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้มูลค่างานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 14,680ล้านบาท
ขณะที่ธุรกิจในต่างประเทศ บริษัทยังคงให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศพม่าที่นอกจากโครงการระบบบำบัดน้ำเสียในนิคมอุตสาหกรรมมัณฑะเลย์ที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปและเซ็นสัญญาภายในปีนี้ สำหรับโครงการดังกล่าวมีการเซ็นสัญญาบันทึกความเข้าใน (MOU) ไปแล้ว และโครงการนี้จะอยู่ในรูปแบบการลงทุนและบริหารโครงการ (Build, Own and Operate: BOO หรือ Build, Operate and Transfer: BOT)งบลงทุนจำนวน 350 ล้านบาท ระยะเวลาสัญญา 30 ปี
ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการอีกจำนวน 2 แห่งมูลค่ารวมประมาณ 400ล้านบาท ในประเทศพม่า นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมเซ็น MOU เพื่อก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อน 20 MWในประเทศลาว
“ในช่วง1-2 ปีที่ผ่านมาบริษัทมุ่งมั่น ทุ่มเท และตั้งใจในการหางานต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้บริษัทมั่นใจว่าจะได้งานต่างประเทศเข้ามาอย่างน้อย 1 โครงการ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการตอกย้ำให้นักลงทุนและผู้ถือหุ้นได้เห็นว่าบริษัทมีความตั้งใจจริงและให้ความสำคัญกับแผนงานที่ได้ประกาศออกไปในก่อนหน้านี้ สำหรับสาเหตุของความล่าช้าในการประมูลโครงการในต่างประเทศนั้นมาจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งกฎระเบียบและขั้นตอนของกฎหมายของประเทศที่บริษัทเข้ายื่นประมูล อย่างไรก็ตามบริษัทเชื่อมั่นว่าหากผ่านโครงการแรกได้โครงการต่อไปจะใช้เวลาน้อยกว่านี้อย่างแน่นอน” นายสลิบ กล่าว
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2556 บริษัทมีรายได้รวม 195.61ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 7.66ล้านบาท แตกต่างจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ10.79 ล้านบาท โดยมีสาเหตุสำคัญดังนี้คือ
1. บริษัทได้มีการทบทวนงบประมาณโครงการก่อสร้าง 10 โครงการซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการที่คาดจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 3/2556 เพื่อให้มีต้นทุนใกล้เคียงความเป็นจริง โดยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากต้นทุนวัสดุก่อสร้างและค่าแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมีผลให้กำไรขั้นต้นลดลง 14.88 ล้านบาท
2. บริษัทได้รับงานก่อสร้างใหม่ 3 โครงการในไตรมาส 2/56 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 647.17 ล้านบาท ซึ่งเพิ่งเริ่มดำเนินงาน การรับรู้รายได้จึงไม่สูงนัก
3. ต้นทุนงานให้บริการเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและบำรุงรักษาท่อของโครงการหนึ่ง จำนวนเงิน 1.80 ล้านบาท
4. ค่าใช้จ่ายบริหารเพิ่มสูงขี้น เนื่องจากค่าที่ปรึกษาในการวางแผนร่วมกิจการกับบริษัท ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1.00 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.) บริษัทมีรายได้รวม 349.07ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 1.99ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายระยะยาว 3 ปี (2557-2559) รายได้ของบริษัทจะมีอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่องเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20% จากการที่บริษัทรุกงานทั้งในและต่างประเทศ และก้าวขึ้นสู่การเป็นบริษัทวิศวกรรมด้านการก่อสร้าง การบริหารจัดการและลงทุนงานวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคอาเซียน