กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--โรงพยาบาลรามคำแหง
แพทย์เตือนสาวๆดูแลรักษาผิวหน้า... รู้ทันฝ้า หน้าผ่องใสไม่ควรหลงเชื่อโฆษณาโดยไม่พิจารณาทางเลือกใหม่อื่นๆ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์แผนใหม่ อาทิการใช้เลเซอร์สำหรับบำบัดรักษาอาการฝ้าโดยไม่เกิดรอยแผลที่ใบหน้า และผู้เข้ารับการรักษาสามารถไปประกอบกิจวัตรประจำวันได้...โดยไม่ต้องพักหน้าหลังการบำบัด
จากกรณีที่ผู้คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะสุภาพสตรีที่ต้องเผชิญปัญหาจากสภาพการใช้ชีวิตที่ต้องเผชิญกับมลภาวะทางอากาศ ทั้งฝุ่นควัน ท่อไอเสีย และแสงแดดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และส่งผลต่อสภาพผิวหน้าในหลายรูปแบบนับตั้งแต่ปัญหาสิว และฝ้าซึ่งถือเป็นปรปักษ์ของสุภาพสตรีทุกวัย โดยเฉพาะเรื่องฝ้าซึ่งทราบกันดีว่ารักษาได้ยาก
นพ. ภูมิธร อรัญญาเกษมสุข แพทย์ด้านผิวหนังและศัลยกรรมเลเซอร์ โรงพยาบาลรามคำแหง ได้ให้คำอรรถาธิบายเกี่ยวกับกรณีของการเกิดฝ้าว่ามาจากหลายสาเหตุ อาทิ เชื้อชาติ โดยเม็ดสีของแต่ละเชื้อชาติก็จะมีความไวต่อแสงแตกต่างกันออกไป เช่น คนเอเชียจะมีโอกาสเป็นฝ้าสูงกว่าคนยุโรป ถัดมาเป็นเรื่องของแสงแดด ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมาก ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งคือฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งพบว่าเพศหญิงจะเป็นฝ้าได้ง่ายกว่าเพศชายมาก หรืออาจเกิดจากโรคบางชนิด ที่ส่งผลให้ผิวหน้าเกิดรอยหมองคล้ำคล้ายฝ้าได้ เช่น โรคตับ โรคไต แต่ปัญหาฝ้านั้นไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงใดๆ เพียงแต่สร้างความรำคาญใจและบั่นทอนความมั่นใจเท่านั้น เพราะการมีฝ้าเสมือนการใส่เสื้อผ้าที่มีรอยเปื้อนอยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ หญิงสาวโดยส่วนใหญ่จึงเกรงกลัวต่อการเกิดฝ้าบนใบหน้า ส่วนผู้ที่ประสบปัญหาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ก็เพียรพยายามสรรหาวิธีการรักษาที่จะสามารถช่วยให้รอยฝ้าจางลง
สำหรับการดูแลรักษาฝ้า สามารถทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่นิยมที่สุดคือการทายา หรือครีมรักษาฝ้า ซึ่งต้องระวังเป็นพิเศษ โดยควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ เพราะหากไม่ระวังอาจเกิดอาการแสบร้อน และส่งผลให้ผิวหน้าเกิดความเสียหายในที่สุด ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นแล้ว การรักษาก็จะทำได้ยากขึ้นตามลำดับ
ส่วนอีกวิธีหนึ่งที่มีการนำมาใช้กันมากขึ้นในปัจจุบันคือการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์ ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย และเห็นผลรวดเร็ว โดยเลเซอร์ที่นำมาใช้ในปัจจุบันมี 2 ประเภทคือ เลเซอร์แบบมีแผลและไม่มีแผล เลเซอร์แบบมีแผลนั้น หลังจากเข้ารับการรักษาแล้ว ผู้ป่วยจำเป็นจะต้องพักหน้าไว้เป็นระยะเวลาหนึ่ง ส่วนเลเซอร์แบบไม่มีแผลนั้นคือการใช้เลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดเม็ดสี สามารถเลือกใช้ความถี่ แสงที่เหมาะสมสำหรับริ้วรอยแต่ละประเภท เหมาะสำหรับปัญหาผิวหน้าและริ้วรอยที่มีความลึก โดยการรักษาด้วยเลเซอร์แบบไม่มีแผลนั้น ยังมีข้อดีอื่นๆ คือ ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องพักหน้า ทำให้สามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้อย่างปกติ ไม่มีผลเสียต่อสภาพผิวหน้า
นพ.ภูมิธรยังฝากข้อแนะนำสำหรับสาวที่ต้องการจะดูแลรักษาผิวหน้าให้ห่างไกลฝ้าด้วยว่า การป้องกันฝ้าถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะคนเอเชียเพราะมีโอกาสเกิดฝ้าได้ง่ายซึ่งการป้องกันที่สำคัญประการแรกคือการเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ไม่ต่ำกว่า 30 “ ข้อปฏิบัติที่ต้องการเน้นคือการพกพาอุปกรณ์จำพวกป้องกันแสงแดด ได้แก่ หมวก ร่ม แต่ทั้งนี้ต้องพยายามหลบเลี่ยงแสงแดดให้ได้มากที่สุด เพื่อชะลอปัญหาการมาเยือนของฝ้าให้ช้าลงครับ ” นพ.ภูมิธร กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก
นพ. ภูมิธร อรัญญาเกษมสุข
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและศัลยกรรมเลเซอร์
โรงพยาบาลรามคำแหง