กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--เพนเน็ตเทรท
- ประกาศซื้อหุ้นคืนในวงเงิน 200 ล้านบาท
- ติดอันดับ 1 ใน 8 บมจ.ไทยใน Best Under Billion โดยฟอร์บส
บริษัท มาลีสามพราน จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2/2556 มีกำไรสุทธิ 91.2 ล้านบาท พร้อมอัตรากำไรสุทธิหรือเน็ตมาร์จิ้นขยับสูงขึ้นเป็น 6.5%
ฉัตรชัย บุญรัตน์ ประธานกรรมการ บริษัทมาลีสามพราน จำกัด(มหาชน) หรือ MALEE เปิดเผยว่า “ในไตรมาส 2/2556 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,404.80 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 91.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2556 ซึ่งมีกำไรสุทธิจำนวน 83.6 ล้านบาท โดยไตรมาส 2/2556 บริษัทฯมีอัตรากำไรสุทธิหรือเน็ตมาร์จิ้นเท่ากับ 6.5% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2556 ซึ่งมีอัตรากำไรสุทธิหรือเน็ตมาร์จิ้น 5.8% พร้อมกันนี้บริษัทฯจะทำการจ่ายเงินปันผลงวด 6 เดือนแรก ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.50 บาทต่อหุ้น (คิดเป็นผลตอบแทน 1.6% เมื่อเทียบกับราคาปิดที่ 30.75 บาท วันที่ 13 ส.ค. 2556) โดยจะปิดสมุดทะเบียนเพื่อรับสิทธิเงินปันผลในวันที่ 28 ส.ค.นี้ (วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) คือ 23 สิงหาคม 2556) และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 11 กันยายน 2556 พร้อมกันนี้คณะกรรมการบริษัทฯได้อนุมัติแผนการซื้อหุ้นคืนภายในวงเงิน 200 ล้านบาท จำนวนไม่เกิน 10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ในช่วงเวลา 28 สิงหาคมนี้ -27 กุมภาพันธ์ 2557 เพื่อการบริหารทางการเงิน”
ทั้งนี้ผลการดำเนินงานรวมของบริษัทฯ สำหรับงวดหกเดือนแรกปี 2556 มีรายได้รวม 2,805.9 ล้านบาท ต่ำกว่าปีที่แล้ว 10.2% และมีกำไรสุทธิรวม 174.8 ล้านบาท ต่ำกว่ายอดกำไรสุทธิหกเดือนแรกปี 2555 ที่มียอดกำไรสุทธิ 293.9 ล้านบาท โดยในช่วงที่ผ่านมายอดขายผลิตภัณฑ์แบรนด์ MALEE เติบโตขึ้น 11% แต่สาเหตุที่รายได้และกำไรลดลงนั้น เนื่องจากปีที่แล้ว บริษัทฯได้รับงานรับจ้างผลิตปริมาณสูงมากเป็นกรณีพิเศษเนื่องจากสภาวะน้ำท่วม ส่วนในปีนี้ยอดรับจ้างผลิตได้กลับสู่สภาวะปกติ จึงทำให้ยอดขายในประเทศในส่วนของธุรกิจรับจ้างผลิตลดลง ขณะเดียวกันบริษัทฯมีค่าใช้จ่ายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการขยายกำลังการผลิตเพ่ื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ”
รุ่งฉัตร บุญรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มาลีสามพราน จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE กล่าวต่อว่า “เมื่อไม่นานมานี้บริษัทฯ ได้ผ่านการคัดเลือกโดยนิตยสาร FORBES เป็น 1 ใน 200 สุดยอดบริษัทขนาดกลางและเล็กในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Asia’s 200 Best Under a Billion) ซึ่งประเทศไทยมีเพียง 8 บริษัทเท่านั้นที่ผ่านการคัดเลือกครั้งนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้บริษัทฯเป็น 1 ในไม่กี่บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ใน MSCI Small-Cap Index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีโครงสร้างธุรกิจที่มั่นคง มีผลการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง การจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงมีโครงสร้างทางการเงินที่เหมาะสม ทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น และให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นสูง โดย MALEE มีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) สูงถึง 50% มีอัตราผลตอบแทนต่อทรัพย์สิน (ROA) ที่ 23% และ อัตราเงินปันผลเฉลี่ย 4.88% (ณ 13 สิงหาคม 2556)
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินธุรกิจทั้งแบบ Own Brand Manufacturing คือการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม น้ำผลไม้และผลไม้กระป๋องภายใต้แบรนด์ MALEE นอกจากนี้ MALEE ยังเป็นผู้ให้บริการพัฒนาผลิตภัณฑ์และรับจ้างผลิต (Contract Manufacturing) ให้กับบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งสามารถสร้างรายได้และผลกำไรที่มั่นคงให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง”