ARROW ปลื้มกำไรQ2 เฉิดฉาย พุ่งเฉียด 30 ลบ. บอร์ดใจป้ำสั่งจ่ายผลระหว่างกาลทันที 0.15 บ./หุ้น กำหนดจ่าย 6 ก.ย.นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 14, 2013 13:21 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--IR network บมจ.แอร์โรว์ ซินดิเคท หรือ ARROW ไม่ธรรมดาทำผลงานไตรมาส 2 กำไรเริ่ดวิ่งแตะ 29.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.62 เมื่อเปรียบเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 20.10 ล้านบาท เหตุรายได้จากการขายหนุน อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่ม ด้านบอร์ดไม่รีรอ ใจป้ำอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลเอาใจผู้ถือหุ้นทันทีในอัตรา 0.15 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายวันที่ 6 ก.ย.นี้ “ธานินทร์ ตันประวัติ” มั่นใจธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังขยายตัวต่อเนื่อง ดันผลงานทั้งปีโตตามเป้า 30% พร้อมตอกย้ำยังมุ่งหน้าเจาะตลาดใหม่ๆ เพิ่ม เพื่อกระจายรายได้ทั้งในและต่างประเทศ นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ ARROW เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาศ 2/2556 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2556 ของบริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 29.27 ล้านบาท เพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 20.10 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 45.62 % ส่วนงวด 6 เดือนมีกำไรสุทธิ 61.51 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 44.94 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นถึง 25.86 % โดยมีสาเหตุมาจากบริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจาก 181,78 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น 202.25 ล้านบาทในงวดไตรมาส2/2556 หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.26 เนื่องจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจากอัตราร้อยละ 24.95 ในงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นอัตราร้อยละ 27.66 ในงวดไตรมาส2/2556 หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.86 เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบลดลง ด้านดอกเบี้ยจ่ายลดลงจาก 5.05 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น 2.12 ล้านบาทในงวดไตรมาส2/2556 หรือคิดเป็นลดลงอัตราร้อยละ 138.21 อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในส่วนของภาษีเงินได้ไม่ได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่กำไรก่อนหักภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นจาก 24.96 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 34.12 ล้านบาทในงวดไตรมาส2/2556 หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 36.70 สาเหตุมาจากบริษัทมีกำไรจากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน(BOI)เพิ่มขึ้นมากกว่ากิจการที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน และอัตราภาษีเงินได้ลดจากร้อยละ 23 ในงวดเดียวกันของปีก่อนเป็นร้อยละ 20 ในงวดไตรมาส2/2556 ทั้งนี้จากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าว คณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 3/2556 จึงได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับงวดครี่งปีแรกของปี 2556 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท จำนวน 200 ล้านหุ้น รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 30 ล้านบาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฎ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 23 สิงหาคม 2556 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2551 โดยประกาศปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 26 สิงหาคม 2556 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) วันที่ 21 สิงหาคม 2556 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 6 กันยายน 2556 “ผลประกอบการไตรมาส2/2556 ของ ARROW ถือว่าเติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งช่วงไตรมาศนี้มีวันหยุดจากเทศกาลต่างๆมาก แต่บริษัทยังสามารถติดตามคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการในการใช้วัสดุสำหรับงานระบบต่างๆในอาคารที่เติบโตอย่างชัดเจนเห็นได้จากคำสั่งซื้อที่มีอีกกว่า 150ล้านบาท โดยเชื่อว่าในไตรมาสที่เหลือของปีนี้ผลการดำเนินงานของบริษัทยังจะสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้” กรรมการผู้จัดการกล่าวในที่สุด เขากล่าวต่อถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมการก่อสร้างในช่วงที่เหลือของปีนี้ว่า ยังมีทิศทางที่สดใส เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากการลงทุนในระบบโครงการสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น โครงการรถไฟสายสีน้ำเงิน, สีแดง รวมถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ ที่จะเกิดตามแนวรถไฟฟ้าอีกเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ เกิดความต้องการใช้ท่อร้อยสายไฟและระบบปรับอากาศดีขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นจึงทำให้เชื่อมั่นว่า ผลการดำเนินในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ประมาณการณ์ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% ้ ขณะเดียวกันยังเชื่อว่าจะสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิให้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10-12% ได้ ปัจจุบัน ARROW มีใบสั่งซื้อสินค้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการผลิตคิดเป็นจำนวนมากกว่า 150 ล้านบาท และบริษัทยังอยู่ระหว่างการขยายโรงงานเพิ่มเติม บนพื้นที่ขนาด 2,700 ตารางเมตร เพื่อรองรับดีมานด์ท่อร้อยสายไฟและท่อระบบปรับอากาศที่ขยายตัว โดยเบื้องต้นวางงบลงทุนไว้ราว 30 ล้านบาท และน่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ไม่เกินธันวาคมนี้ ซึ่งหากทุกอย่างลุล่วงคาดว่าจะช่วยเสริมกำลังการผลิตได้อีกประมาณ 30% ส่วนสัดส่วนรายได้ของบริษัทแบ่งเป็น งานจากโครงการที่ดำเนินการภายในประเทศ 93% และอีก 7% มาจากการส่งออกไปยังต่างประเทศ อย่างไรก็ตามตลาดส่งออกหลักบริษัทยังมุ่งเน้นประเทศใกล้เคียง โดยเฉพาะที่ เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ขณะเดียวกันยังเดินหน้ารับงานใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นทั้งจากภาครัฐและเอกช โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการเติบโตให้กลุ่มบริษัทอย่างมีศักยภาพ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ