กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--กรมป่าไม้
จากกระแสย่างเข้าสู่ประชาคมอาเซียนทำให้ให้การดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และนโยบาย เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และการรับมือกับสถานการณ์ในอนาคต ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงเป็นอย่างมากในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนไม่ว่าจะเป็น การนำเข้าหรือการส่งออกสุทธิทรัพยากรธรรมชาติ การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากไม้ โดยคำนึงถึงการใช้ประโยชน์จากป่าไม้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด อีกทั้งการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีการผลิตใช้ปัจจัยการผลิต และการใช้วัสดุทดแทนกันได้ของปัจจัยการผลิตต่างๆ ให้ตอบโจทย์พฤติกรรมการบริโภคของประชาชน ความต้องการของตลาดเพื่อสู่การแข่งขันในระดับภูมิภาค และตลาดโลกได้อย่างแข็งแกร่ง
กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแล ป้องกัน ฟื้นฟู วิจัยศึกษา ประเมินสถานการณ์ป่าไม้ และส่วนอื่น ๆ อีกมากมายเกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการก้าวเข้าสู่ประชาอาเซียนด้วยเช่นกัน จึงจัดการประชุมการป่าไม้ประจำปี พ.ศ.2556 ภายใต้ชื่องาน “ผลผลิตและงานวิจัยป่าไม้ สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” เพื่อเป็นการรวบรวมองค์ความรู้ ความเข้าใจ ด้านการบริหารและด้านวิชาการป่าไม้ สร้างเครือข่ายการดำเนินงานด้านทรัพยากรป่าไม้ให้เข้มแข็ง และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาและอุปสรรค พร้อมพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ด้านป่าไม้
การประชุมการป่าไม้ประจำปี 56 ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-9 ส.ค. ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นการดำเนินการครั้งที่ 2 นับจากที่ห่างหายไปนานกว่า 10 ปี นับตั้งแต่ครม.มีมติให้แบ่งส่วนราชการของกรมป่าไม้เมื่อปี 45 โดยผล สรุปการประชุมป่าไม้ทั้ง 5 วันที่ผ่านมากรมป่าไม้มีแนวทางการปฏิบัติงานเกี่ยวกับนโยบายการป่าไม้แห่งชาติ และยุทธศาสตร์การจัดการ ต้องคิดใหม่ ทำใหม่ 6 แนวทาง คือ
1. ใช้แนวคิดเชิงนโยบายในรูปแบบการป้องกันรักษาป่า การฟื้นฟูป่า การมีส่วนร่วมกันระหว่างป่ากับคน การปฏิบัติตามกฎหมาย การขยายพื้นที่สีเขียวในเชิงรุก และต้องมีการศึกษาวิจัยเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่
2. ป่าในเมืองเพื่อคุณภาพชีวิตจะเป็นการสร้างพื้นที่สีเขียว โดยการมีส่วนร่วมในชุมชนเพื่อใช้เป็นห้องเรียนธรรมชาติของเยาวชน และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน พร้อมจัดป่าชุมชนทั่วประเทศ รวมทั้งการคัดเลือกชนิดไม้ที่เหมาะสมของป่าในเมือง และการตัดแต่งกิ่งต้นไม้กับสายไฟฟ้าว่าควรทำอย่างไรจึงจะเหมาะสมและสวยงาม
3. ป่าเศรษฐกิจ ถือเป็นทางรอด ทางรวยของประเทศ ดังนั้นกรมป่าไม้จะเพิ่มพื้นที่เศรษฐกิจ พร้อมพัฒนาเทคนิคการแปรรูปและเครื่องมือให้เหมาะสมกับชนิดไม้ในประเทศไทย และใช้ไม้ให้คุ้มค่ามากที่สุด
4. การเพิ่มมูลค่าผลิตผลป่าไม้จากงานวิจัยซึ่งทางสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติได้สนับสนุนเงินงบประมาณ และวิชาการที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไทย ยังเสนอให้ศึกษาและพัฒนาเครื่องเลื่อยให้เหมาะสมกับการแปรรูปชนิดไม้ใน ประเทศไทยอันเป็นการลดต้นทุน ทำให้สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้
5. EU FLEGTหรือแผนปฏิบัติการของสหภาพยุโรปได้เสนอให้มีการปรับปรุงกฎหมาย รวมถึงการยกเลิกมติครม.ปี43 ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนปัญหาการปลูกไม้สัก คือ รายได้ไม่เอื้อ ระเบียบไม่อำนวย รวมถึงการส่งออกไม้แปรรูปสักไม่ได้
6. ประชาชนร่วมมือป่าไม้ยั่งยืน โดยกรมป่าไม้จะปรับเปลี่ยนบทบาททำหน้าที่เป็นผู้ส่งเสริมประสานงานอำนวยความ สะดวก เชื่อมโยงข้อมูลทางวิชาการให้ไปสู่กลุ่มเป้าหมาย องค์กรปกครองส่วนท้องที่ ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
การปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ครั้งนี้คาดว่า อนาคตทรัพยากรป่าไม้ไทยคงจะฟื้นฟูพร้อมพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการป่าไม้ได้อย่างยั่งยืน แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ความร่วมมือ ร่วมใจ พิทักษ์และดูแลของประชาชนที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่จะเป็นพลังนำไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนโดยแท้จริง