กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--แสนสิริ
- ตามแผนงานที่แข็งแกร่งในปี 2556 และรองรับการเติบโตในช่วง1-2 ปี-
กลุ่มแสนสิริ ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/56 รายได้เติบโตขึ้น 49% จากไตรมาสแรกและเติบโต 39% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายรวมไตรมาส 2 ที่ 8,000 ล้านบาท เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาว อายุ 5 ปี มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจตามแผนงานที่แข็งแกร่งในปี 2556 และรองรับการเติบโตในช่วง 1 - 2 ปี เริ่มจำหน่าย 19 - 22 สิงหาคมนี้ ผ่านสาขาของ KBANK และ SCB
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทแสนสิริในช่วงไตรมาส 2/2556 บริษัทสามารถปิดยอดขายได้ประมาณ 8,000 ล้านบาท คิดเป็นรายได้รวม 7,703 ล้านบาท เติบโตขึ้น 49 % จากไตรมาสแรก และเติบโตขึ้น 39% หากเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยรายได้หลักมาจากที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมสูงถึง 58% ของรายได้จากการขายทั้งหมด และมีกำไรสุทธิ 521 ล้านบาท
“ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 บริษัทประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจทั้งโครงการคอนโดมิเนียมในย่านธุรกิจกลางใจเมือง อาทิ โครงการ ‘EDGE Sukhumvit 23’ (เอดจ์ สุขุมวิท23) รวมทั้งโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ THE BASE (เดอะ เบส) และ dcondo (ดีคอนโด)โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการชูทั้ง 2 แบรนด์หลักเป็นหัวหอกในการรุกขยายฐานธุรกิจในตลาดต่างจังหวัดได้เพิ่มมากขึ้น หรือคิดเป็นประมาณถึง 40% จากยอดขายรวม 29,000 ล้านบาทที่สามารถทำได้ในครึ่งปีแรก ซึ่งทำให้เชื่อมั่นว่าในปีนี้กลุ่มบริษัทแสนสิริจะสามารถสร้างยอดขายจากโครงการที่อยู่อาศัยได้ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายเศรษฐา กล่าว
นอกจากนี้เพื่อดำเนินธุรกิจตามแผนงานที่แข็งแกร่งในปี 2556 อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้งเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในช่วง 1 - 2 ปี ล่าสุดบริษัทยังได้เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาว อายุ 5 ปี จำนวนรวม จำนวนรวม 2,000,000 หน่วย (สองล้านหน่วย) มูลค่าหุ้นกู้รวม 2,000 ล้านบาท (สองพันล้านบาท) สำหรับผลตอบแทนของหุ้นกู้ดังกล่าว คือ อัตราดอกเบี้ยคงที่ เท่ากับ 4.95% ตลอดอายุหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือนและกำหนดวงเงินจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาทและทวีคูณของ 100,000 บาท โดยแต่งตั้งให้ธนาคารกสิกรไทยและไทยพาณิชย์เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย และจะเริ่มเปิดจองซื้อในวันที่ 19 — 22 สิงหาคมนี้ที่ธนาคารกสิกรไทยและไทยพาณิชย์ทุกสาขาทั่วประเทศ
“บริษัทฯ ตัดสินใจให้มีการออกหุ้นกู้เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจที่เติบโตขึ้น อันเป็นผลจากความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งจนส่งผลให้ลูกค้าให้การตอบรับและไว้วางใจในแบรนด์ “แสนสิริ” รวมทั้งแบรนด์ที่อยู่อาศัยต่างๆ ของแสนสิริอย่างต่อเนื่องเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถสร้างยอดขายได้สูงมากเป็นประวัติการณ์ในปีที่ผ่านมา โดยเงินทุนที่ได้จากการจำหน่ายหุ้นกู้ครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการขยายธุรกิจในปี 2556 และ 2557 นอกเหนือจากการพึ่งพาวงเงินกู้จากธนาคาร เพื่อให้เป็นไปตามแผนการดำเนินธุรกิจในการรุกพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อตอบรับทุกความต้องการที่อยู่อาศัย และครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า รวมทั้งขยายการพัฒนาโครงการสำหรับรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในตลาดต่างจังหวัด รวมถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นมากขึ้นอีก โดยบริษัทจะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่อีกจำนวน 23 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 26,000 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีหลัง โดยแบ่งมูลค่าการพัฒนาโครงการในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลและต่างจังหวัดในสัดส่วน 60% : 40%” นายเศรษฐา กล่าว
สำหรับหุ้นกู้ไม่มีหลักประกัน ระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ของบริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) ที่เสนอขายในครั้งนี้ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ในระดับ ‘BBB’ (Triple B Straight) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ BBB+ (Triple B Plus) อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความสามารถในการเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย รวมทั้งการดำรงสถานะการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดย ณ เดือนสิงหาคม 2556 บริษัทมีจำนวนโครงการที่เปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งสิ้น 110 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 137,734 ล้านบาท รวมทั้งมียอดขายรวมในปีที่ผ่านมารวมทั้งสิ้นสูงถึง 42,600 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับและการมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่แข็งแกร่งเป็นสำคัญ มียอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างน่าพอใจรวมถึงยอดขายที่รอการส่งมอบอีกในปริมาณมากโดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ในอีก 3 ปีข้างหน้าแล้วถึง 62,000 ล้านบาท
“การนำเสนอหุ้นกู้ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้ เชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน หลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จจากการเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากหุ้นกู้ที่บริษัทนำเสนอนั้นให้อัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจ และเป็นทางเลือกที่ดีในช่วงที่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น การนำเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้จึงนับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่มองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก” นายเศรษฐา กล่าว