กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่
“จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่”เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ธุรกิจเดิมทำกำไรดีเติบโตถึงร้อยละ50 ชี้มาจากธุรกิจสื่อทีวีและธุรกิจภาพยนตร์ที่มี “พี่มาก... พระโขนง” ทำรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศสูงถึง 568 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์วงการหนังไทย ขณะที่รายได้ทั้งประเทศทะลุ 1,000 ล้านบาท แย้มครึ่งปีหลังยังโตต่อเนื่องหลายคอนเสิร์ตใหญ่ดันธุรกิจโชว์บิซพุ่ง เล็งเปิดให้บริการ music streaming สร้างเม็ดเงินให้ธุรกิจดิจิทัลภายในปลายปีนี้
นางสาวบุษบา ดาวเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทฯ ได้จัดแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็นธุรกิจเดิมที่ดำเนินการอยู่แล้ว และธุรกิจที่เริ่มดำเนินการใหม่ โดยมีผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2556 ดังนี้ รายได้จากธุรกิจเดิมที่ดำเนินการอยู่แล้ว ประกอบด้วย ธุรกิจเพลง ธุรกิจดิจิทัล ธุรกิจสื่อ ธุรกิจภาพยนตร์ ธุรกิจบริการรับจัดและบริหารกิจกรรม ธุรกิจแอนิเมชั่น และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง มีจำนวนเท่ากับ 2,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธุรกิจสื่อโดยเฉพาะสื่อทีวียังคงเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจภาพยนตร์ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงจากภาพยนตร์ “พี่มาก... พระโขนง” ที่สามารถทำรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศสูงสุดเป็นประวัติการณ์จำนวน 568ล้านบาท ถือเป็นการสร้างสถิติครั้งใหม่ของวงการภาพยนตร์ไทย ขณะที่รายได้จากธุรกิจที่เริ่มดำเนินการใหม่ อันได้แก่ ธุรกิจโฮมช็อปปิ้ง และโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม มีจำนวนเท่ากับ 544 ล้านบาท
ทั้งนี้ กำไรจากธุรกิจเดิมที่ดำเนินการอยู่แล้วเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 50 แต่ธุรกิจที่เริ่มดำเนินการใหม่ยังอยู่ในช่วงของการเริ่มลงทุน ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิเท่ากับ 216 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 ธุรกิจเดิมที่ดำเนินการอยู่แล้วยังคงมีรายได้เติบโตต่อเนื่อง จากธุรกิจโชว์บิซที่มีการจัดคอนเสิร์ตใหญ่หลายรายการ อาทิเช่นคอนเสิร์ต GRAMMY HAPPY FACE TIVAL ตอน PARTY REUNION คอนเสิร์ต ขนนก กับ ดอกไม้ ตอน SECRET GARDEN คอนเสิร์ต บรรลุนิติภาวะ ๒๑ ปี ป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์คอนเสิร์ต DJs on Stage vs The Starคอนเสิร์ต6.2.13 Dance Fever รวมถึงละครเวที ลัดดาแลนด์ขณะที่ธุรกิจสื่อที่ได้รับอานิสงค์จากเม็ดเงินโฆษณาที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมและธุรกิจดิจิทัลเนื่องจากขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาบริการใหม่ เพื่อขยายช่องทางการให้บริการในรูปแบบ Music Streaming ซึ่งจะทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ประมาณช่วงปลายปีนี้
ด้านธุรกิจที่เริ่มดำเนินการใหม่จะยังคงมุ่งขยายแพลตฟอร์มกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพร้อมกับการขยายฐานผู้ชมแซท เพย์ ทีวีโดยมุ่งเน้นการทำตลาดจำหน่ายกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมจีเอ็มเอ็ม แซทร่วมไปกับแพ็คเกจเพย์ ทีวี เพื่อให้ลูกค้าเกิดประสบการณ์ตรงด้วยการทดลองรับชมรายการชั้นนำระดับโลกจากฟ็อกซ์ฟรีจำนวน 17 ช่อง จากทั้ง 27 ช่อง ที่จีเอ็มเอ็ม แซทให้ผู้ชมได้ชมฟรีเต็มอิ่มถึงสิ้นเดือนกันยายน นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้สร้างช่อง “ONE” ขึ้น เพื่อรวบรวมรายการคุณภาพใหม่แกะกล่อง มาออกอากาศทางช่องโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ล่าสุดได้ส่งซีรี่ส์ “ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น” ออกฉายจนเกิดกระแสความนิยมล้นหลาม และขึ้นกวาดเรทติ้งจากสังคมออนไลน์ไปแล้วด้วยยอดชม 11 ตอนกว่า 70 ล้านยอด ส่งผลให้เวลาของโฆษณาของช่อง “ONE” เรื่อง “The Side Stories”โดย GTH ที่จ่อรอฉายเป็นเรื่องต่อไปถูกจองเต็มอัตราไปเรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2556 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนในอัตราส่วน 5 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ คิดเป็นหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 106,052,989 หุ้น ในราคาหุ้นละ 10.00 บาท รวมเป็นเงินสดที่ได้จากการเพิ่มทุนในครั้งนี้ทั้งสิ้น 1,060,529,890 บาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปลงทุนใน Strategic Investment รองรับแผนพัฒนาเชิงรุกสู่ธุรกิจใหม่ๆอันได้แก่ ธุรกิจทีวีดิจิทัลที่จะมาช่วยต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจเดิมที่บริษัทมีความแข็งแกร่งอยู่แล้วให้ยิ่งมีศักยภาพมากขึ้น เพื่อก้าวสู่การเป็น “ผู้นำสื่อครบวงจร (King Of Media&Contents)” ที่มีความครบถ้วนและสมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทย
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ไอร่า จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนการรับจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (Rights Offering Share Subscription Agent) ที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ระหว่างวันที่ 2-6 กันยายน 2556 โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XR ในวันที่ 16 สิงหาคม 2556 เพื่อเตรียมการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ที่มีรายชื่อปรากฎในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2556 และจะรวบรวมรายชื่อโดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 21 สิงหาคม 2556 ตามสัดส่วนการถือหุ้น
“บมจ. จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ขอขอบคุณท่านผู้ถือหุ้นทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ และสนับสนุนบริษัทฯ อย่างดีมาโดยตลอด การเพิ่มทุนในครั้งนี้นอกจากจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพฐานทุนให้แข็งแกร่งแล้ว จะช่วยสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ตลอดจนผลตอบแทนให้ท่านผู้ถือหุ้นในระยะยาวอีกด้วย” นางสาวบุษบากล่าว