กรุงเทพฯ--19 ส.ค.--สถาบันวิทยาการ สวทช.
งานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “การพัฒนาบุคลากรทางด้านการออกแบบอิเล็กทรอนิกส์” (Human Resource Development Program for Electronic Design Industry)เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม 2556 ณ โรงแรมแกรนท์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน ถ.รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ
สวทช. ร่วมกับ บีโอไอ และ ทีซ่า ร่วมกับ 6 สถาบันการศึกษาใหญ่ รุกหน้าพัฒนาบุคลากรทางด้าน Electronic Design หวังให้ไทยเป็นอุตสาหกรรมฐานความรู้แห่งแรกของ AEC เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ และสร้างรายได้ให้กับประเทศ
สวทช. บีโอไอ และทีซา ผนึกกำลังกับ 6 มหาวิทยาลัย 7 ห้องปฏิบัติการ ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ รุกหน้าพัฒนาบุคลากรทางด้านการออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ หวังยกระดับไปสู่อุตสาหกรรมฐานความรู้ (Knowledge Industry) เป็นแห่งแรกของ AEC เพื่อตอบสนองความต้องการ และสร้างมูลเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมของประเทศไทย ตลอดจนดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ มาร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมฐานความรู้เพิ่มมากขึ้น
ดร.ศิริชัย กิตติวราพงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาการ สวทช. กล่าวว่า อุตสาหกรรมการออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Design) เป็นอุตสาหกรรมที่ใช้ความรู้ เป็นวัตถุดิบหลักในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งยังเป็นอุตสาหกรรมต้นน้าที่ทำให้เกิดการนำผลผลิตไปใช้ต่อยอดใน อุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมโทรคมนาคม และอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างสูงในปัจจุบัน ในขณะที่ 3 อุตสาหกรรมดังกล่าวมีมูลค่ารวมทั้งโลกสูงกว่าหนึ่งแสนล้านเหรียญสหรัฐ แต่การเจริญเติบโตของบริษัทออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยกลับมีอัตราการ เติบโตจำกัด เนื่องจากขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถทางด้านการออกแบบ อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งยังขาดการสนับสนุนในแง่เครื่องมือและอุปกรณ์รและการสนับสนุนผลักดัน จากทุกภาคส่วน ทำให้นักศึกษาปัจจุบันขาดความสนใจที่จะศึกษาทางด้านนี้ และหันไปเลือกเรียนเพื่อทำงานตามกระแสสังคม ทำให้ไม่สามารถผลิตบุคลากรทางด้านการออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างต่อเนื่อง นับเป็นการทิ้งโอกาสที่จะทำให้ประเทศไทยเติบโตไปในทางธุรกิจฐานความรู้ไป อย่างน่าเสียดาย
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แห่งชาติ (สวทช.) ได้ตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการส่งเสริมและสนับสนุนในการสร้างทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพให้มีจำนวนเพียงพอเพื่อรองรับต่อการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมนี้ในประเทศไทย โดยได้หารือและมอบหมายให้สมาคมสมองกลฝังตัวไทย (Thai Embedded Systems Association: TESA) เป็นผู้บริหาร "โครงการพัฒนาบุคลากรทางด้านการออกแบบอิเล็กทรอนิกส์" เพื่อสร้างทรัพยากรบุคคลให้มีความรู้ความสามารถในระดับที่ภาค อุตสาหกรรมต้องการ โดยแบ่งเป็นเฟส เฟส 1 เป็นโครงการนำร่องร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างห้องปฏิบัติการ กับ 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี จำกัด บริษัท ดีไซน์ เกทเวย์ จำกัด บริษัท โตโยต้า ทูโช อิเล็กทรอนิกส์ (ไทยแลนด์) จำกัด และ บริษัท ThaiGerTech จำกัด โดยสนับสนุนให้ ห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยภายใต้ความร่วมมือ 6 แห่ง 7 ห้องปฏิบัติการ ได้แก่
ห้องปฏิบัติการวิจัยระบบสมองกลฝังตัวและการออก แบบวงจรรวม (Embedded System and Integrated Circuits Design (ESID) Research Laboratory) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ห้องปฏิบัติการด้านการออกแบบวงจรรวมและระบบ บูรณาการพลังงานต่ำ (Laboratory on Low-Power Integrated Circuits and Systems) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ Pervasive Integrated Circuits And Systems on Chip Laboratory (PICASSO) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง Embedded Systems Laboratory สถาบันเทคโนโลยีพระ จอมเกล้าฯ ลาดกระบัง VLSI Design for Embedded System with Intelligence Laboratory (VDSI) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี Embedded & Ubiquitous Computing Laboratory มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ Ubiquitous Networked Embedded Systems Laboratory (UbiNES) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์โดยแต่ละห้องปฏิบัติการจะจัดอบรมเพิ่มเติมและจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับนักศึกษาเพื่อให้เกิดความสนใจในการศึกษาและเพิ่มความสามารถทางด้านการออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมุ่งเน้นเทคโนโลยีที่ตรงตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรม โดยเริ่มตั้งแต่ระดับชั้นศึกษาปีที่ ๒ เพื่อสร้างความรู้พื้นฐาน และเน้นความรู้รอบด้านสามารถประมวลรวบรวมความรู้ได้ พร้อมไปร่วมฝึกงานทำโจทย์จริง และชั้นปีที่ 4 เน้นความเชี่ยวชาญ ความรู้เฉพาะด้านมากขึ้น และต่อยอดไปถึงการทำโปรเจ็กต์จบร่วมกับบริษัทชั้นปีที่3 และ 4 และหากมีความสนใจตรงกันก็จะนำไปสู่การว่าจ้างทำงานหลังจบการศึกษาในที่สุด
ผศ.อภิเนตร อูนากูล นายกสมาคมสมองกลฝังตัวไทย (TESA) กล่าวว่า ปัจจุบันมี บริษัทน้อยมากในประเทศไทยที่ใช้แนวทางของการออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ และวงจรรวม (Electronic/IC Design) เป็นแนวทางหลักในการดำเนินธุรกิจ ทั้งๆ ที่ บริษัทสามารถทำรายได้มากกว่า 3-5 ล้านบาทต่อคน โดยที่รายได้เฉลี่ยต่อหัวยังคงเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามด้วยข้อจำกัดทางด้านกำลังคน ทาให้บริษัททางด้านนี้ไม่สามารถขยายขนาดของธุรกิจขึ้นไปถึงระดับเกินหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐอย่างที่ไต้หวัน หรือเกาหลีใต้ทำได้ จำนวนวิศวกรออกแบบของบริษัทเหล่านี้ยังมีอยู่เพียงไม่เกินสามสิบคน และเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยกว่า 10 คน ต่อปี หากต้องการที่จะสร้างบริษัทออกแบบวงจรรวมที่ประสบความสำเร็จในระดับโลก จำเป็นต้องเพิ่มกำลังคนให้ได้อย่างน้อย 30 คนต่อปี และภายใน 10 ปี บริษัทควรจะมีวิศวกรออกแบบอย่างน้อย 500 คน นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงการสร้างบุคลากรในภาคการศึกษาและห้องแล็บสำหรับการ วิจัยพัฒนาทางด้านวงจรรวมไปพร้อมๆ กันอีกด้วย
แม้ประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญของโลก แต่หากพิจารณาถึงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางด้านการออกแบบ อิเล็กทรอนิกส์ และวงจรรวม ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำของอิเล็กทรอนิกส์แล้ว จัดว่ามีสัดส่วนที่น้อยมาก ซึ่งทำให้มูลค่าเพิ่มที่ประเทศได้รับไม่สูงเท่าที่ควร อันเนื่องจากบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ และวงจรรวมมีไม่เพียงพอ แตกต่างจากประเทศไต้หวันหรือเกาหลีใต้ ซึ่งมีการสนับสนุนอุตสาหกรรมการออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ และวงจรรวมอย่างชัดเจน จนประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วในช่วงระยะเวลาเพียง 10 ปี
การที่จะปรับฐานะของประเทศจากการเป็นผู้ใช้งานหรือรับจ้างผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มาเป็นผู้นำทางด้านการออกแบบอิเล็กทรอนิกส์และวงจรรวม จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยศักยภาพของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการออกแบบอิเล็กทรอนิกส์และวงจรรวมเป็นจำนวนมาก จะเห็นได้ว่าบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการออกแบบดังกล่าวยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมากในอุตสาหกรรมทางด้านยานยนต์ โทรคมนาคม และอิเล็กทรอนิกส์ ตามการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดยานยนต์ ตลาดโทรคมนาคม และตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก หากประเทศไทยสามารถปรับตัวและเร่งสร้างบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญทางด้านการออกแบบวงจรรวมเพื่อตอบสนองตามความต้องการของตลาดโลกได้ทันย่อมสามารถนำมาซึ่งผลประโยชน์มหาศาลแก่ประเทศได้