กรุงเทพฯ--20 ส.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,382 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,367 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 31.36 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 20,350 บาท กับ 20,450 บาท และกลับมาปิดที่ 20,350บาท กับ 20,450 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 1,793 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 8,229 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 0.2% แบบ 10 บาท ลดลง 1.2% GFQ13 ปิด 20,420 บาท และ GFV13 ปิด 20,500 บาท GF10Q13 ปิด 20,410 บาท GF10V13 ปิด 20,510 บาท
สัญญา Comex ปิดลดลง 5.3 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,365.7 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 15.6 เซ็นต์ ปิดที่ระดับ 23.166 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 912.32 ตัน (ขายออก 3 ตัน) น้ำมัน NYMEX ปิดลดลง 36 เซ็นต์ ปิดที่ระดับ 107.1 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดลดลง 70.73 จุด ปิดที่ 15,010.74 จุด
ข่าวที่สำคัญ
ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากแรงเทขายทำกำไรเมื่อคืนนี้หลังจากที่ราคาขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบสองเดือน โดยมีปริมาณการซื้อขายที่เบาบางเนื่องจากอยู่ในช่วงวันหยุดฤดูร้อนของอเมริกาและยุโรป
SPDR ขายออกเมื่อวานนี้อีก 3 ตัน ชดเชยการซื้อเข้าวันศุกร์ 2.4 ตัน เหลือการถือครองทองคำที่ 912.32 ตัน
นายเดนนิส การ์ทแมน เจ้าของการ์ทแมน เลทเทอร์ ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า ความไม่สงบในอียิปต์จะผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น โดยสำนักข่าว MENA ของอียิปต์รายงานในวันนี้ว่า นายมูฮาเหม็ด บาดี ผู้นำสุงสุดของกลุ่มภราดรภาพมุสลิม ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวที่กรุงไคโร
เทรดเดอร์อินเดียระบุว่า พวกเขาจะเริ่มนำเข้าทองคำอีกครั้งในสัปดาห์หน้า หรือหลังจากที่แบงก์ชาติอินเดียแสดงความชัดเจนเรื่องกฎใหม่
สกุลเงินรูปีอ่อนค่าลงทำจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยตลาดให้ความสนใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ถึงกับเป็นกังวล ซึ่งการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในประเทศเศรษฐกิจใหญ่ๆ ได้ส่งผลกระทบต่อค่าเงินในประเทศละแวกใกล้เคียง
แท้จริงแล้ว ความสำคัญของตลาดโดยรวมอยู่ที่การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลก ด้วยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบสองปีแตะ 2.879% พันธบัตรเยอรมันแตะ 1.91% ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบปี
สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบสองสัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินเยน และขยับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความเห็นของบุนเดสแบงก์ที่ระบุในรายงานประจำเดือนสิงหาคมว่า อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำของอีซีบีเป็นข้อผูกมัดอย่างมีเงื่อนไข ส่งสัญญาณว่าอีซีบีอาจปรับเพิ่มดอกเบี้ยเร็วๆ นี้
เมื่อวานนี้ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจใด โดยปัจจัยที่สำคัญของสัปดาห์นี้จะเป็นการรายงานผลการประชุมของเฟดที่จะเปิดเผยในคืนวันพุธ และตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่จะประกาศในเช้าวันพฤหัสบดี รวมถึงการประชุมธนาคารกลางทั่วโลกที่แจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง แต่ครั้งนี้นายเบอร์นันเก้ไม่ได้เข้าร่วมประชุม
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ติดต่อกันเป็นวันที่สี่ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าเฟดอาจจะลดขนาด QE นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานการประชุมของเฟด
ตลาดหุ้นนิกเกอิเปิดร่วงเช้านี้ ตามตลาดหุ้นสหรัฐ โดยไม่มีปัจจัยบวกที่สนับสนุนส่งผลให้นักลงทุนยังคงรออยู่นอกตลาด เช่นเดียวกับดัชนีฮั่งเส็งเปิดตลาดลดลงเช่นกัน
ตลาดหุ้นและตลาดการเงินฟิลิปปินส์จะยังคงปิดทำการในวันนี้ เนื่องจากมีฝนตกหนักจนทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในกรุงมะนิลา จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “จ่ามี" (TRAMI)
เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสสองหดตัวเหนือความคาดหมาย 0.3% ซึ่งนับเป็นการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินของโลก จากการที่ภาคครัวเรือนมีหนี้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยรัฐบาลยังคงไม่สามารถจัดการกับแผนค่าใช้จ่ายภาครัฐได้ ซึ่งสำนักข่าว Bloomberg ระบุว่า ธปท. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิมที่ 2.5% ในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้
ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน
- ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
ปัจจัยที่สำคัญที่ต้องติดตามวันนี้
- ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
ทิศทางทางราคาทอง
ราคาทองคำมีการปรับฐานทำกำไรหลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นมาตลอดในช่วงสัปดาห์ก่อน และมีแรงเทขายอย่างหนาแน่น โดยที่ SPDR ก็เข้าทำการขายเมื่อวานอีก 3 ตัน เหลือการถือครอง 912.32 ตัน ในขณะที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจของประเทศไทยปรับตัวลดลงจากตัวเลขการรายงานของสภาพัฒน์ที่ระบุว่า GDP ไทยหดตัว 0.3% กดดันทำให้มีความวิตกกังวลว่า ไทยอาจเข้าสู่สภาวะเงินฝืด หุ้นจึงตกอย่างหนักกว่า 47 จุด ลงมาทดสอบแนวรับที่ระดับ 1400 จุด ในขณะที่เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องจากระดับ 31.38 บาท/ดอลลาร์เมื่อวานนี้ เช้านี้ทะลุ 31.50 บาท/ดอลลาร์ขึ้นมาแล้ว อยู่ที่ระดับประมาณ 31.54 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากมุมมองของต่างประเทศมองว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มเข้าสู่ภาวะการชะลอตัว จากการใช้จ่ายของภาครัฐและหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ดีก็มีแรงเทขายทำกำไรทำให้ปรับลงมาทดสอบแนวรับแรกที่ระดับ 1,360 เหรียญ ราคาทองคำของไทยได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในวันนี้ จึงน่าจะปรับตัวสูงขึ้นได้ ในขณะที่ค่าเงินบาทมีโอกาสที่จะอ่อนค่าต่อเนื่องก็เป็นไปได้ ในเชิงเทคนิคราคาทองคำจะมีแนวรับที่ 1,360 เหรียญ และมีแนวต้านที่ระดับ 1,400 เหรียญ เป็นการรอข่าวใหม่ๆ เข้ามาในระยะสั้นๆ
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
เป็นกลยุทธ์การหาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว และขายเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น เป็นลักษณะของการทำกำไรแบบระยะสั้น
- นักลงทุนที่ถือ Long Position และนักลงทุนที่ถือ Short Position
ให้หาจังหวะในการลดสถานะการถือครองและทำกำไร ตามสภาวะของตลาดที่เริ่มเข้าสู่ลักษณะ Sideways อีกครั้งหนึ่งในช่วง 1,360 — 1,390 เหรียญ
Gold Futures Q13 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,350 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,550 บาท
Gold Futures V13 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,440 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,640 บาท
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง