กรุงเทพฯ--20 ส.ค.--กรมควบคุมโรค
สธ.ระบุ! เดือนสิงหาคมถึงกันยายนของทุกปี เป็นช่วงขาขึ้นของการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ล่าสุดพบผู้ป่วยแล้ว 25,926 ราย ในขณะที่ข้อมูลการเฝ้าระวังโรคชี้ชัด!สัดส่วนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในปีนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ยัน!บุคลากรสาธารณสุข ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง จัดอยู่ในกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่จึงมีความจำเป็นมาก เพราะจะช่วยลดป่วยและลดการเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงจากโรคไข้หวัดใหญ่ได้
นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ของประเทศไทยในภาพรวมว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงขาขึ้นของการระบาดของโรคตามฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายนของทุกปี โรคนี้จะมีจำนวนผู้ป่วยสูงมาก ทั้งนี้จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่ของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่ 1 ม.ค. - 12 ส.ค. 56 พบมีจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สะสมรวมทั้งสิ้น 25,926 ราย จาก 77 จังหวัด คิดเป็นอัตราป่วย 40.34 ต่อแสนประชากร กลุ่มอายุที่พบมากที่สุดเรียงตามลำดับ คือ อายุ 15-24 ป?พบร้อยละ11.19 อายุ 25-34 ปีพบร้อยละ11.18 อายุ 10-14 ป?พบร้อยละ10.20 ภาคที่มีอัตราป่วยสูงสุด คือ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต?และภาคอีสานตามลำดับ เมื่อพิจารณาเป็นรายจังหวัดพบว่า จังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อแสนประชากร สูงสุด 5 อันดับแรกคือ ภูเก็ต ลำปาง พิษณุโลก อุตรดิดถ์ และระยอง
ในขณะที่แนวโน้มของไข้หวัดใหญ่ในปีนี้ จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคในแผนกผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยปอดอักเสบที่รับไว้ในสถานพยาบาลเฉพาะพื้นที่ มีการชี้ชัดว่าสัดส่วนการตรวจพบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยพบว่าเป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A H3 มากที่สุดและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งมีค่าใกล้เคียงกับค่าพื้นฐานสัดส่วนการเข้ารับการรักษาของผู้ป่วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ในแผนกผู้ป่วยนอกย้อนหลัง 3 ปี มีหลายจังหวัดที่มีแนวโน้มของสัดส่วนผู้ป่วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น เป็นจังหวัดในภาคอีสาน ได้แก่ เลย ร้อยเอ็ดและศรีสะเกษ กลุ่มอายุที่พบมากที่สุดอยู่ในกลุ่มเด็กเล็กถึงวัยเรียน คือ 5-17 ปี รองลงมาเป็นวัยผู้ใหญ่อายุ 30-64 ปี
ด้าน ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าในคนกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เพราะจะส่งผลให้การป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ลดลงและช่วยลดการเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนของโรคได้ด้วย ถึงแม้จะยังไม่มีรายงานการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่และการเสียชีวิตก็ตาม แต่ขณะนี้อยู่ในช่วงขาขึ้นของการระบาดของโรค ซึ่งจะเป็นช่วงที่มีจำนวนผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สูงขึ้นมาก ดังนั้นกลุ่มคนที่จัดว่ามีความเสี่ยงสูง ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ที่ทำงานสอบสวนควบคุมโรค เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครทำลายซากสัตว์ปีกและสัตว์อื่นที่สงสัยติดเชื้อไข้หวัดนก เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตรวจวินิจฉัยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ เพราะคนกลุ่มนี้จะมีความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลและอาจเป็นผู้แพร่โรคต่อไปยังผู้อื่นได้ด้วย
ส่วนอีก 2 กลุ่มได้แก่ ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปทุกคน ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรค ได้แก่ หอบหืด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจ ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย เบาหวาน หลอดเลือดสมองและผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด เนื่องจากคนกลุ่มนี้มีภูมิคุ้มกันโรคต่ำเมื่อได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เข้าไปจะเจ็บป่วยง่าย และอาจรุนแรงจนต้องนอนโรงพยาบาล หรือถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ จึงจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เช่นกัน ซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดบริการฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มเสี่ยงกลุ่มนี้ ฟรี!!ที่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ
“ทั้งนี้ประชาชนทั่วไปหรือกลุ่มเสี่ยงสามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัด หรือที่สายด่วน สปสช. โทร.1330 หรือที่สายด่วน กรมควบคุมโรค หมายเลข 1422” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวปิดท้าย