สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 09.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 22, 2013 10:33 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ส.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,371 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,368 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 31.85 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 20,500 บาท กับ 20,600 บาท และกลับมาปิดที่ 20,450บาท กับ 20,550 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 2,980 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 8,325 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 1.5% แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 4.6% GFQ13 ปิด 20,740 บาท และ GFV13 ปิด 20,870บาท GF10Q13 ปิด 20,760 บาท GF10V13 ปิด 20,860 บาท สัญญา Comex ปิดลดลง 2.5 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,370.1 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 10.8 เซ็นต์ ปิดที่ระดับ 22.963 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 913.52 ตัน (ขายออก 0.6 ตัน) น้ำมัน NYMEX ปิดลดลง 1.26 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 103.85 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดลดลง 105.44 จุด ปิดที่ 14,897.55จุด ข่าวที่สำคัญ ราคาทองคำปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าเฟด อาจส่งสัญญาณปรับลดขนาด QE ในรายงานการประชุม ซึ่งจะมีการเผยแพร่หลังตลาดทองคำปิดไปแล้ว อย่างไรก็ดี ผลการประชุม FOMC แสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ของ FOMC ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า เฟดควรจะเริ่มลดขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์นะระยะเวลาอันใกล้นี้ การสนับสนุนให้มีการลดขนาด QE ของเจ้าหน้าที่นั้นเนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะฟื้นตัวต่อเนื่อง อันจะเห็นได้ชัดจากข้อมูลภาคแรงงานในเดือนกรกฎาคม ที่แสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้นแล้ว แต่ก็มีเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วน แสดงความคิดเห็นว่า ควรที่จะมีการคง QE ต่อไป ซึ่งการแสดงความเห็นที่แตกต่างกันของเจ้าหน้าที่ส่งผลให้ภาวะการซื้อขายทองคำเป็นไปอย่างผันผวน และทำให้นักลงทุนตีความไปในทิศทางที่แตกต่างกันด้วย ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการส่งสัญญาณที่ไม่ชัดเจนของเฟด ได้บดบังปัจจัยบวกจากการรายงานตัวเลขยอดขายบ้านมือสองที่ปรับตัวสูงขึ้นในเดือนกรกฎาคม SPDR กลับมาเป็นผู้ขายทองคำอีกครั้งหลังจากที่ซื้อเพิ่มเมื่อวันก่อน โดยเมื่อวานนี้ขายออก 0.6 ตัน ปัจจุบันคงทองที่ระดับ 913.52 ตัน ทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นตอบรับการสนับสนุนปรับลด QE ของเจ้าหน้าที่เฟดบางราย และตัวเลขยอดขายบ้านมือสองที่ปรับตัวสูงขึ้นในเดือนกรกฎาคม จึงส่งผลให้นักลงทุนในทองคำหันไปทำการ Short Covering เพิ่มขึ้น สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองปรับตัวสูงขึ้น 6.5% ในเดือนกรกฎาคม แตะระดับ 5.39 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า สถานการณ์การเมืองในอียิปต์อาจเลวร้ายยิ่งขึ้น เมื่อศาลอียิปต์มีคำสั่งปล่อยตัวอดีตประธานาธิบดี ฮอสนี มูบารัค แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อใด ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำสถิติปิดลบติดต่อกัน 6 วันทำการ หลังจากเฟด ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนในรายงานการประชุมครั้งล่าสุดว่าจะเริ่มชะลอ QE เมื่อใด ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลดลงเมื่อเช้านี้เนื่องจากเฟดยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับกรอบเวลาการชะลอ QE ตลาดหุ้นฟิลลิปปินส์ และไต้หวันยังคงปิดทำการ เนื่องจากได้รับผลกระทบของพายุ "จ่ามี" ที่พัดเข้าถล่มประเทศ ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน - Existing Home Sales ตัวเลขเดิมที่ระดับ 5.06M ตัวเลขจริงปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.39M - ปัจจัยที่สำคัญที่ต้องติดตามวันนี้ - Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 320K คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 329K - Flash Manufacturing PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 53.7 คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 54.1 ทิศทางทางราคาทอง ราคาทองคำยังเคลื่อนตัวในกรอบผันผวนแคบก่อนการแถลงผลการประชุม FOMC โดยเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ 1,360 — 1,368 เหรียญ หลังจากที่คำแถลงของบทสรุปของ FOMC ออกประมาณ ตี 1 บ้านเรา ไม่มีความชัดเจนว่าจะปรับลด QE หรือไม่ เพียงแต่ระบุถึงสิ่งที่ FOMC ยังจะต้องติดตามและมีการพูดคุยกันมากขึ้นทั้งในเรื่องของอัตราการว่างงานและอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจที่ดูยังไม่แน่นอนนัก ทำให้ตลาดมีความผันผวนค่อนข้างมากในช่วงแถลง ในขณะที่ US Dollar Index ปรับตัวสูงสุดอย่างรวดเร็ว ทะลุจุดสูงสุดเดิมขึ้นมา รวมทั้งบอนด์ยีลอายุ 5 ปีและ 10 ปีของสหรัฐอเมริกา ดีดตัวสูงขึ้นอย่างมากทันทีที่มีการแถลงข่าว ซึ่งทั้ง 2 ตัวนี้ เป็นตัวกดดันทำให้ยังมีแรงทองคำอย่างต่อเนื่อง ทองคำแกว่งขึ้นและลงอย่างมาก แต่ในทีสุดก็มีแรงเทขายกดลงมา จนหลุดระดับ 1,360 เหรียญในบางช่วง วันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกเป็น อัตราการว่างงานที่คาดว่าจะดีขึ้น รวมทั้งดัชนีภาคการผลิต PMI ที่คาดว่าจะออกมาดีขึ้นเช่นกัน ซึ่งสองตัวนี้ถ้าออกมาดีขึ้นจะกดดันราคาทองคำทำให้มีแรงเทขาย ในนขณะที่ SPDR กลับมาเป็นผู้ขายทองคำอีกครั้งหนึ่งแต่ไม่มากนักเพียง 0.6 ตัน ปัจจุบันคงทอง 913.52 ตัน อย่างไรก็ดีประเทศไทยมีเรื่องค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากทะลุแนวต้านสำคัญ 31.50 บาท/ดอลลาร์ขึ้นมา เงินบาทขณะนี้อ่อนค่าลงอย่างมากทะลุเหนือระดับ 32 บาท/ดอลลาร์ขึ้นมาอีก และมีแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในตลาดหุ้น ซึ่งหมายถึงการโอนเงินออกนอกประเทศ กดดันทำให้หุ้นทั่วภูมิภาคนี้ยังอยู่ในทิศทางขาลงและค่าเงินอ่อนลงเกือบทุกประเทศ รวมทั้งไทย ซึ่งค่าเงินที่อ่อนค่าจะทำให้ราคาทองคำของไทยในรูปเงินบาทยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น ในลักษณะทรงตัวเป็น sideway up ในขณะที่ทองคำต่างประเทศ เคลื่อนตัว Sideway down สรุปได้ว่า ราคาทองคำไทยน่าจะทรงตัวอยู่ในในกรอบแคบๆ แกว่งตัวตามค่าเงินบาทนั่นเอง กลยุทธ์การลงทุน ยังเป็นลักษณะการซื้อขายเร็วเล่นสั้น และปิดสถานะ ำกำไร แนะนำให้เล่นสั้นเข้าออกเร็วและรอติดตามตัวเลขคืนนี้อีกครั้งหนึ่ง ภาพรวมๆของราคาทองไทยยังเป็นลักษณะทิศทางขาขึ้น - นักลงทุนที่ถือ Long Position แนะนำให้ขายปิดทำกำไร - นักลงทุนที่ถือ Short Position แนะนำให้ปิดสถานะ Short ไปก่อนหน้านี้แล้ว Gold Futures Q13 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,700 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,900 บาท Gold Futures V13 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,800 บาท และแนวต้านที่ระดับ 21,000 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ