กรุงเทพฯ--22 ส.ค.--สสว.
กระทรวงอุตสาหกรรม โดย สสว. จับมือ 7 ธนาคารพาณิชย์ ลงพื้นที่ภาคใต้ ที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี เป็นจังหวัดสุดท้าย ก่อนสิ้นสุดการประชาสัมพันธ์โครงการสนับสนุนดอกเบี้ยแก่ SMEs เพื่อลดผลกระทบจากการปรับค่าจ้างแรงงาน ในอัตรา 300 บาทต่อวัน เชิญชวนผู้ประกอบการ SMEs ในพื้นที่ภาคใต้ เข้าร่วมโครงการฯ โดย สสว. ช่วยสนับสนุนดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 3 วงเงินสินเชื่อสูงสุด 1 ล้านบาท ระยะเวลา 1 ปี เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ SMEs สามารถดำเนินกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
นายปิยะชนก ลิมปะพันธุ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้ดำเนินมาตรการที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการช่วยบรรเทาปัญหาด้านต้นทุนการผลิตและคงสภาพการจ้างงานให้กับผู้ประกอบการ SMEs โดยดำเนินโครงการสนับสนุนดอกเบี้ยแก่ SMEs เพื่อลดผลกระทบจากการปรับค่าจ้างแรงงาน ในอัตรา 300 บาทต่อวัน ซึ่งเป็นการชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับผู้ประกอบการ SMEs ในอัตราร้อยละ 3 ของวงเงินสินเชื่อ ระยะเวลา 1 ปี วงเงินกู้ยืมไม่เกินรายละ 1 ล้านบาท
“โครงการนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระต้นทุนด้านการผลิตให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถปรับตัวได้ในระยะสั้น สามารถบริหารจัดการต้นทุนในการดำเนินกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยสร้างโอกาส และรักษาสภาพการจ้างงานให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ในภาคการผลิต ภาคการค้าปลีก-ค้าส่ง และภาคบริการ ที่มีการใช้แรงงานเข้มข้น จำนวน 12 กลุ่มธุรกิจ และอยู่ในพื้นที่ที่มีการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานมากกว่าร้อยละ 20 รวมทั้งสิ้น 51 จังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคใต้ ให้สามารถดำเนินกิจการและรักษาสภาพการจ้างงานได้ต่อไป”
สำหรับการดำเนินโครงการดังกล่าว กระทรวงอุตสาหกรรม โดย สสว. ได้ร่วมกับ 7 สถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยมีวงเงินงบประมาณดำเนินการจำนวน 193 ล้านบาทคาดว่าจะมีผู้ประกอบการได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วมโครงการนี้ไม่น้อยกว่า 6,300 ราย
นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า จากความมุ่งมั่นของกระทรวงอุตสาหกรรม และ สสว. ที่ต้องการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับค่าแจ้งแรงงานทั่วประเทศ ได้เข้าถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือของภาครัฐ
สสว. จึงได้จัดกิจกรรมลงพื้นที่ในภูมิภาคต่างๆ เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่รายละเอียดของโครงการฯ ซึ่งที่ผ่านมา ได้ประชาสัมพันธ์โครงการฯ แล้วในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ซึ่งได้เสียงตอบรับเข้าร่วมโครงการฯ จากผู้ประกอบการ SMEs ทั้ง 2 ภาค เป็นจำนวนมาก
“การลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์โครงการฯ ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดสุดท้าย สสว. หวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการฯ ดังกล่าว จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ SMEs ในเขตพื้นที่ภาคใต้ ที่กำลังประสบปัญหาเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ มีการใช้แรงงานอย่างเข้มข้น เพราะมีผู้ประกอบการ SMEs ขนาดกลางและขนาดย่อม ที่ประกอบธุรกิจภาคบริการ และท่องเที่ยวอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งปัญหาการปรับค่าแรง ส่งผลให้ ผู้ประกอบการ SMEs ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งโครงการฯ นี้ จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้ประกอบการ SMEs ในพื้นที่ภาคใต้ จำนวน 14 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา และสตูล”
สำหรับโครงการสนับสนุนดอกเบี้ยแก่ SMEs เพื่อลดผลกระทบจากการปรับค่าจ้างแรงงาน ในอัตรา 300 บาทต่อวัน จะเป็นการชดเชยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 3 ของวงเงินสินเชื่อ โดยมีวงเงินกู้ยืมไม่เกินรายละ 1 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 1 ปี ให้กับผู้ประกอบการ SMEs ที่อยู่ในพื้นที่เป้าหมาย และอยู่ใน 12 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโลหะประดิษฐ์ กลุ่มธุรกิจภัตตาคาร ร้านขายอาหาร กลุ่มธุรกิจผลิตไม้ ผลิตภัณฑ์จากไม้และไม้ก๊อก กลุ่มธุรกิจการก่อสร้าง กลุ่มธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ยางและผลิตภัณฑ์พลาสติก กลุ่มธุรกิจการขายปลีก กลุ่มธุรกิจโรงแรมและที่พักชั่วคราว กลุ่มธุรกิจการขนส่ง กลุ่มธุรกิจบำรุงรักษา ซ่อมแซมยานยนต์ และจักรยานยนต์ การขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงรถยนต์ และกลุ่มธุรกิจ
การผลิตเครื่องเรือน รวมถึงธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และอัญมณีเครื่องประดับผู้ประกอบการ SMEs ที่สนใจเข้าร่วมโครงการสนับสนุนดอกเบี้ยแก่ SMEs เพื่อลดผลกระทบจากการปรับค่าจ้างแรงงานในอัตรา 300 บาทต่อวัน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ทุกสาขาของสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2556 หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.sme.go.th