กรุงเทพฯ--22 ส.ค.--สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
นางสาวจุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ขอแถลงสถานะ หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 ดังนี้
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 มีจำนวน 5,224,965.98 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 44.27 ของ GDP โดยเป็นหนี้ของรัฐบาล 3,657,756.16 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,076,174.39 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 490,222.06 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 813.37 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 47,931.30 ล้านบาท โดยหนี้ของรัฐบาล และหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน เพิ่มขึ้น 48,585.24 ล้านบาท และ 10,487.30 ล้านบาท ตามลำดับ ในขณะที่หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ลดลง 11,141.25 ล้านบาท และ หนี้หน่วยงานอื่นของรัฐไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ นั้นไม่มีหนี้คงค้าง ทั้งนี้ รายละเอียดและสัดส่วนของหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556
1. หนี้ของรัฐบาล
1.1 หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้นสุทธิ 49,311.44 ล้านบาท เนื่องจาก
1.1.1 หนี้ต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 24,050 ล้านบาท โดยผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 2,068.54 ล้านบาท ประกอบกับการเบิกจ่ายหนี้สกุลเงินต่างๆ ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 21,981.46 ล้านบาท ดังรายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 2 ทั้งนี้ ในเดือนมิถุนายน 2556 ได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้ให้กู้ต่อแก่บริษัทการบินไทย (จำกัด) มหาชน จำนวน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ (15,633.75 ล้านบาท) โดยหนี้จำนวนดังกล่าวได้มีการแปลงเป็นหนี้สกุลเงินยูโร อัตราดอกเบี้ยคงที่ เพื่อให้สอดคล้องกับรายรับของบริษัทการบินไทย (จำกัด) มหาชน
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงจำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ หลังจากที่ทำการป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนแล้วมีรายละเอียดปรากฏตามแผนภาพที่ 2 โดยในส่วนของหนี้ต่างประเทศของรัฐบาลที่กู้ให้กู้ต่อแก่บริษัทการบินไทย (จำกัด) มหาชน จำนวน 540 ล้านเหรียญสหรัฐ (16,884.45 ล้านบาท) เป็นหนี้ที่มีรายรับเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศที่สอดคล้องกับรายจ่ายชำระหนี้ต่างประเทศ (Natural Hedged) จึงไม่นับว่ามีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
1.1.2 หนี้ในประเทศ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 25,261.44 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจากการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 24,415.49 ล้านบาท
1.2 หนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดเชยความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 726.20 ล้านบาท เนื่องจากการไถ่ถอนพันธบัตรออมทรัพย์โดยการทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง (Premium FIDF 1 และ FIDF 3)
1.3 หนี้เงินกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า
2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน
2.1 หนี้ในประเทศ
2.1.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 750 ล้านบาท โดยเกิดจาก
- องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพออกพันธบัตร 5,700 ล้านบาท และไถ่ถอนพันธบัตร 5,000 ล้านบาท การทางพิเศษแห่งประเทศไทยออกพันธบัตร 850 ล้านบาท และไถ่ถอนพันธบัตร 1,000 ล้านบาท และ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยไถ่ถอนพันธบัตร 1,000 ล้านบาท
- องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพมีการชำระคืนต้นเงินกู้ 300 ล้านบาท
2.1.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 1,853.88 ล้านบาท โดยเกิดจาก
- การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคออกพันธบัตร 2,500 ล้านบาท และไถ่ถอนพันธบัตร 233 ล้านบาท และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยออกพันธบัตร 1,000 ล้านบาท
- รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลไม่ค้ำประกันมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ 1,413.12 ล้านบาท
2.2 หนี้ต่างประเทศ
2.2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 4,674.27 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 5,877.26 ล้านบาท ประกอบกับการเบิกจ่ายและชำระคืนหนี้สกุลเงินต่างๆ ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปหนี้เงินบาทลดลงสุทธิ 1,202.99 ล้านบาท
2.2.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 4,709.15 ล้านบาท โดยผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 5,860.57 ล้านบาท ประกอบกับการชำระคืนหนี้สกุลเงินต่างๆ ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 1,151.42 ล้านบาท
3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน)
3.1 หนี้ในประเทศ
หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 11,295.60 ล้านบาท โดยเกิดจาก
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรออกพันธบัตร 25,800 ล้านบาท และไถ่ถอนพันธบัตร 20,000 ล้านบาท
- รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) มีการชำระคืนต้นเงินกู้ 17,095.60 ล้านบาท
3.2 หนี้ต่างประเทศ
หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 154.35 ล้านบาท โดยผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 177.95 ล้านบาท ประกอบกับการชำระคืนหนี้สกุลเงินต่างๆ ทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทลดลง 23.60 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) หลังทำการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน จำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ มีรายละเอียดปรากฏตามแผนภาพที่ 3 โดยในส่วนของหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลไม่ค้ำประกัน) จะประกอบด้วย 2 หน่วยงาน คือ บริษัทการบินไทย (จำกัด) มหาชน และบริษัท ปตท. (จำกัด) มหาชน ที่มีรายรับเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศที่สอดคล้องกับรายจ่ายชำระหนี้ต่างประเทศ (Natural Hedged) ทั้งหมด
4. หนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า
หนี้สาธารณะคงค้าง จำนวน 5,224,965.98 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 357,517.87 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.84 และหนี้ในประเทศ 4,867,448.11 ล้านบาท หรือร้อยละ 93.16 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 5,108,781.55 ล้านบาท หรือร้อยละ 97.78 และหนี้ระยะสั้น 116,184.43 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.22 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
ส่วนวิจัยนโยบายหนี้สาธารณะ สำนักนโยบายและแผน สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5512