TMC เปิดแผนครึ่งปีหลังบุกหนักตลาดอินโดจีนรับ AEC

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 22, 2013 15:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ส.ค.--IR network “ที.เอ็ม.ซี.อุตสาหกรรม” หรือ TMC เปิดแผนกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง เน้นตลาดเชิงรุก บุกต่างประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคอินโดจีนรับ AEC ด้วยการบริหารงานระดับอินเตอร์ ภายหลังร่วมทุนกับ “บริษัท SV ก่อสร้างและซ่อมแปลงเคหะสถาน จำกัด” จากประเทศลาว ที่เริ่มคิกออฟอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา นำร่องก่อนขยายไปยังประเทศอื่นในภูมิภาค สู่การเป็น World Class Manufacturing ส่วนโรงงานแห่งใหม่ถมที่ดินแล้วเสร็จ 60-70% คาดโรงงานใหม่ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้ไม่ต่ำกว่า 60% รองรับคำสั่งซื้อที่มีอยู่ล้นมือ วางเป้าหมายรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 25% นายสุรเชษฐ์ กมลมงคลสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.เอ็ม.ซี. อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMC เปิดเผยถึงกลยุทธ์บริษัทฯ ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ว่า ได้วางแผนการตลาดเชิงรุกมากขึ้น ในการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคอินโดจีน เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในต่างประเทศ รวมถึงรองรับโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ปี 2558 ซึ่งจะช่วยขยายฐานด้านการตลาดและรายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้วางกลยุทธ์เพื่อเตรียมความพร้อมดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “จากการเปิดเสรี AEC ได้ส่งผลต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมของแต่ละประเทศให้ขยายตัวขึ้นต่อเนื่อง โดย TMC มีแผนขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ในการทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น ด้วยการบริหารงานระดับสากล สู่ความเป็นผู้นำด้านผู้ผลิตเครื่องจักรและเครื่องทุ่นแรงอุตสาหกรรมตามสเป็คของลูกค้า เพื่อการเติบโตที่ดีและมีเสถียรภาพต่อเนื่อง ภายหลังก่อนหน้านี้ได้ร่วมทุนกับบริษัทในประเทศลาว นำร่องเปิดตลาด AEC โดยมีแผนจะขยายสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ต่อไป” นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการร่วมทุนกับบริษัท SV ก่อสร้างและซ่อมแปลงเคหะสถาน จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจก่อสร้างและซ่อมแปลงเคหะสถานในประเทศลาว ภายหลังได้เซ็นสัญญาร่วมทุนก่อนหน้านี้ เพื่อประกอบและผลิตเครื่องจักรไฮดรอลิค ด้วยมูลค่างบลงทุนกว่า 1,430 ล้านกีบ (5,720,000 บาท) ในจำนวนนี้แบ่งเป็นงบลงทุนของบริษัทฯ ในสัดส่วน 70% และบริษัท SVฯ ในสัดส่วน 30% ได้มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 สิงหาคม 2556 หลังจากได้เริ่มการผลิตตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยวางเป้าหมายลูกค้าทั้งกลุ่มภาครัฐและเอกชน “การร่วมทุนกับ SV เป็นไปตามแผนธุรกิจที่วางไว้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการขยายฐานสู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะอินโดจีน ซึ่งมีกำลังซื้อสูง เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศ และรองรับโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นจาก AEC สู่การเป็น World Class Manufacturing” เขากล่าวด้วยว่า ด้วยเหตุที่ SV มีจุดเด่นด้านผู้บริหารที่เป็นคนรุ่นใหม่วิสัยทัศน์กว้างไกล มีเครือข่ายพันธมิตรจำนวนมากทั้งภาครัฐและเอกชน และผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องความต้องการในช่วงระยะเวลาของการพัฒนา ประกอบกับมีการใช้ภาษาที่ใกล้เคียงกัน ทำให้สามารถสื่อสารและเข้าใจได้ง่าย การร่วมมือจะช่วยเสริมธุรกิจซึ่งกันและกันสู่ความเป็นผู้นำในตลาดดังกล่าว รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศตามทิศทางการขยายตัวเศรษฐกิจในกลุ่มภูมิภาคอาเซียน “TMC มีจุดเด่นจากทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ที่อยู่ในแวดวงธุรกิจนี้เป็นเวลานาน รวมถึงทีมที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ทั้งด้านการตลาด อุตสาหกรรมการผลิต และด้านอื่นๆ ด้วยแบรนด์ที่เป็นของตนเอง ทำให้มีความสามารถเหนือคู่แข่ง โดยเฉพาะด้านราคาและการบริการ ตลอดถึงความยืดหยุ่นในการผลิตค่อนข้างสูง และจุดแข็งด้านการเงิน การผนึกกำลังกับ SV จะช่วยเสริมศักยภาพ และหนุนให้ผลประกอบการของ TMC ปีนี้เติบโตอย่างโดดเด่นขึ้น จากการส่งมอบงานที่เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้ายอดขายไตรมาส 3/56 ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท และการเติบโตรายได้ทั้งปีอย่างน้อย 25% และปี 2557 ที่ระดับ 20-25% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,002 ล้านบาท” โดยบริษัทฯ จะมุ่งเน้นจุดแข็งและศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจ สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เป็นมูลค่าเพิ่ม (Value-Added) ให้กับลูกค้า อาทิ ธุรกิจซื้อมาขายไป (Trading), ระบบป้อนงานอัตโนมัติ (Automation), การบริการ และการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Service and Preventive Maintenance) ล่าสุดได้อนุมัติงบลงทุน 200 ล้านบาท ในการจัดซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงงานที่ 3 ซึ่งเป็นโรงงานแห่งใหม่บนเนื้อที่ 58 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการถมที่ดินแล้วเสร็จประมาณ 60-70% คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2558 สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้สูงถึง 60% เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่มีอยู่ล้นมือ โดยมีงานในมือ (Backlog) ที่จะทยอยรับรู้ในปีนี้กว่า 256 ล้านบาท อนึ่ง สำหรับผลดำเนินงานบริษัทฯ ประจำไตรมาส 2/2556 มีกำไรสุทธิ 8.1 ล้านบาท และงวด 6 เดือนมีกำไรสุทธิ 24.7 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ