กรุงเทพ--20 พ.ค.--บีบีเอส
นายเกษม จาศิกวณิช ประธานกรรมการบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี เปิดเผยว่า เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กรุงเทพมหานคร และบีทีเอสซี ได้รับมอบรถไฟฟ้าขบวนแรกที่ผลิตและประกอบแล้วเสร็จ จากโรงงานของกลุ่มบริษัทซีเมนส์ ผู้ผลิตรถไฟฟ้ารายใหญ่ของโลก ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยคาดว่ารถไฟฟ้าขบวนแรกนี้จะมาถึงกรุงเทพฯ ประมาณเดือนกันยายนนี้ จากนั้นจะทยอยส่งจนครบจำนวนกลางปี 2542
รถไฟฟ้าขบวนดังกล่าว เป็นชนิด 3 ตู้โดยสาร ชนาดความยาวประมาณ 65 เมตร กว้าง 3.12 เมตรสูง 3.86 เมตร จุผู้โดยสารได้สูงสุดประมาณ 1,000 คน สามารถวิ่งไปและกลับทิศทางได้ โดยมีห้องคนขับอยู่ทั้งสองด้านของขบวนรถ ผู้โดยสารสามารถเดินทะลุตลอดขบวนรถไฟ มีประตูเปิดตู้ละ 4 บาน รวม 12 บานขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าชนิดกระแสสลับ มีระบบปรับอากาศและกระจกกรองแสง ตัวรถทำด้วยเหล็กปลอดสนิมทั้งคัน ควบคุมการขับเคลื่อนด้วยคอมพิวเตอร์อัตโนมัติ มีความเร็วสูงสุด 80 กิโลกรัมต่อชั่วดมง ออกแบบตกแต่งทั้งภายนอกและภายในโดยบริษัทปอร์เซ่ดีไซน์ ซึ่งคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยของผู้โดยสาร ความปลอดภัยและความสวยงามเป็นหลัก
นายเกษม จาติกวณิช กล่าวว่า รถไฟฟ้าที่ซีเมนส์ผลิตให้กับโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร เพื่อเปิดบริการในปลายปี 2542 นี้มีด้วยกันทั้งสิ้น 35 ขบวน หรือ 105 ตู้ จากนั้นเมื่อเปิดให้บริการแล้วประมาณ 2-3 ปี ก็จะสั่งซื้อเพิ่มเติมเพื่อรองรับความต้องการใช้บริการของประชาชน โดยจะเพิ่มความยาวของขบวนรถไฟฟ้าเป็นชนิด 6 ตู้ต่อขบวน ซึ่งจะทำให้มีความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 50,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง
รถไฟฟ้าที่ผลิตแล้วเสร็จนี้จะต้องนำไปทดสอบระบบการทำงานต่างๆ ในขณะรถไฟฟ้าไม่เคลื่อนที่ ที่เวียนนาออสเตรีย จากนั้นจะนำไปทดสอบระบบขณะเคลื่อนที่ที่ศูนย์ทดสอบรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ของซีเมนส์ที่ประเทศเยอรมัน ซึ่งการทดสอบจะประกอบไปด้วย การทดสอบการทำงานของมอเตอร์ ระบบเบรคและการลื่นไถลของตัวรถ เสียงความมั่นคงของตัวรถ ความสะดวกสบายของผู้โดยสาร และการทดสอบสภาพการทำงานต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นนอกเหนือไปจากการใช้งานตามปกติ ใช้เวลาทดสอบประมาณ 2-3 เดือนก่อนส่งมายังกรุงเทพฯ เพื่อทดสอบในสภาพภูมิอากาศจริง โดบจะทดสอบวิ่งบนทางวิ่งจากอู่จอดและซ่อมบำรุงที่สถานีขนส่งหมอชิตถึงบริเวณสนามเป้า ประมาณเดือนตุลาคม 2541 นี้ และจากนั้นก้จะเป็นการทดสอบในสภาพที่โครงการเสร็จสมบูรณ์ก่อนเปิดให้บริการเป็นเวลา 6 เดือน ตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ระบบมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุดเมื่อเปิดให้บริการ--จบ--