กรุงเทพฯ--26 ส.ค.--โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน
ห้องอาหารฝรั่งเศส สไตล์โมเดิร์น “เดอะ รีเฟล็กซ์ชั่นส์” เชิญท่านร่วมค้นพบไวน์ดินเนอร์ในมุมมองใหม่ซึ่งจัดขึ้นภายใต้ธีม “Aqua Art & Aqua Dinner” งานแสดงนิทรรศการศิลปะการสร้างสรรค์ภาพถ่าย พร้อมรับประทานอาหารมื้อค่ำจากเชฟที่การันตีด้วยรางวัลระดับนานาชาติ และพบศิลปินรุ่นใหม่แห่งวงการถ่ายภาพสัญชาติเยอรมัน “Nizza CC” ที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
โดยไวน์ดินเนอร์ครั้งนี้จะจัดขึ้นเป็นเวลา 5 วันเท่านั้น คือตั้งแต่วันจันทร์ที่ 26 — วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2556 ที่จะทำให้ทุกส่วนประสาทสัมผัสของท่าน ทั้งตา จมูก ปาก และจิตใจ รับรู้ถึงประสบการณ์อันน่าประทับใจจากศิลปะภาพถ่ายสุดชิคและเมนูอาหารสุดสร้างสรรค์ ด้วยแรงบันดาลใจภายใต้แนวคิด water of life หรือ น้ำแห่งชีวิต ศิลปินรุ่นใหม่ทั้ง 3 จะสร้างสรรค์ผลงานผสานกับภาพถ่าย แสง และประติมากรรม เพื่อเล่าเรื่องผ่านงานศิลปะสู่สายตาผู้ร่วมงานทุกท่าน
นอกจากนี้ ศิลปินอีกท่านที่ขาดไม่ได้คือ เชฟประจำห้องอาหาร เดอะ รีเฟล็กซ์ชั่นส์ “เชฟแดเนียล บูเฮอร์” ผู้ถ่ายทอดผลงานศิลปะผ่านจานอาหารมื้อค่ำสุดแหวกแนว โดยเชฟได้เลือกใช้วัตถุดิบต่างๆให้สอดคล้องกับ ธีมงาน อาทิ ทะเลสาบ แม่น้ำ มหาสมุทร และพืชที่เพาะปลูกในน้ำ และเพื่อให้ทุกท่านได้เข้าใจธีมงานครั้งนี้อย่างแท้จริง เชฟจึงคิดค้นเมนูที่มีรูปแบบแตกต่างกันหลากหลายเมนู เชฟแดเนียล กล่าวว่า เขาและทีมงานใช้เวลานานหลายชั่วโมงในการหาข้อมูลและประชุมหาข้อสรุปเรื่องวัตถุดิบและวิธีการปรุงอาหาร กระทั่งค้นพบสิ่งใหม่ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากน้ำ และมีวิธีการปรุงอาหารแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
โดยเชฟคิดค้นเมนูด้วยกัน 6 คอร์ส เริ่มจากอาหารเรียกน้ำย่อยอย่าง อามูส บุช และเริ่มรับประทานอาหารคอร์สที่ 1 Aquaponic Greens / Jellyfish / Grey Shrimp เมนูนี้สร้างสรรค์จาก อควาโพนิค กรีน หรือพืชที่เจริญเติบโตในน้ำ เสิร์ฟพร้อมแมงกะพรุนรนไฟด้านบนและกุ้งแอตแลนติก ถัดมาจานที่ 2 คือ Sea weed / Foie de Lotte / Cucamelon คือตับปลามังค์เสิร์ฟแบบเทอร์รีน รับประทานกับสาหร่ายทะเล คอร์สที่ 3 มีชื่อว่า grab the crab “แกรป เดอะ แคลบ” King crab / Mud crab / Snow crab and Blue crab ประกอบด้วยเนื้อปู 4 ประเภท ได้แก่ ปูอลาสก้า ปูทะเล ปูหิมะและปูม้า ต้มด้วยเทคนิคพิเศษที่จะรักษาความสดและความหอมของเนื้อปูเอาไว้ เมื่อลิ้มลองรสชาติจึงรู้สึกถึงความกลมกล่อมและความสดใหม่ของปูแต่ละชนิด คอร์สที่ 4 คือ Lable Rouge Fowl / Stock Cube / Water หรือซุปไก่ฟ้า เชฟปรุงน้ำสต็อกเข้มข้นจากกระดูกไก่ฟ้าและใช้เทคนิคพิเศษทำน้ำสต็อกเป็นรูปทรงเต๋า ก่อนที่จะเสิร์ฟโดยการราดน้ำร้อนด้านบน เมื่อซุปทรงเต๋าผสมกับน้ำก็จะได้รสชาติกลมกล่อมน่าลิ้มลอง คอร์สที่ 5 คือ Catch of The Day / Black Garlic / Turnip เมนูนี้ได้แรงบันดาลใจจากการล่าสัตว์ประจำวันของร้านอาหารฝรั่งเศสในยุคก่อน ที่ในแต่ละวันนายพรานจะออกล่าสัตว์และจับสัตว์ได้ต่างกันในแต่ละวัน โดยเชฟมีความคิดสร้างสรรค์นำแรงบันดาลใจนี้มาสร้างเป็นเมนู โดยใช้เครื่องซูวีหรือเครื่องต้มอาหารแบบพิเศษพร้อมตู้กระจกแก้วใสหรืออควาเรียมใส่ในรถเข็น และเดินเข็นไปเสิร์ฟให้ท่านอย่างใกล้ชิด โดยเนื้อที่เสิร์ฟนั้นจะมีเครื่องเคียงคือกระเทียมดำ หรือกระเทียมที่มีวิธีเก็บในลักษณะพิเศษไว้นานกว่า 2 ปี จากนั้นคอร์สที่ 6 คือ lotus / Tahiti vanilla / black sesame เป็นเมนูของหวานที่นำเอาเมล็ดในของฝักวนิลลาจากเกาะ ตาฮิติมาทำเป็นไอศกรีมและราดด้วยครีมงาดำ หลังจากจบมื้อค่ำทั้ง 6 คอร์สแล้ว เชฟยังมีเมเนดีส หรือขนมรับประทานเล่นคู่กับชาหรือกาแฟ เสิร์ฟให้ท่านในบล็อกน้ำแข็ง เพื่อสร้างความตื่นเต้นอีกครั้งก่อนกลับบ้าน
เรียกได้ว่า ดินเนอร์มื้อนี้นอกจากจะทำให้ท่านได้เพลิดเพลินกับงานศิลปะของ 3 ศิลปินชาวเยอรมันแล้ว ท่านยังสามารถเพลิดเพลินกับอาหารมื้อค่ำสุดพิเศษ ในราคาสุทธิต่อท่าน 5,500 บาท พร้อมไวน์ชั้นดี 1 ขวดสำหรับ 2 ท่าน พร้อมรับฟังเสียงพิณบรรเลงสดจากนักดนตรีมื้ออาชีพชาวฝรั่งเศส ท่ามกลางบรรยากาศที่แปลกใหม่และโรแมนติกไปในเวลาเดียวกัน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่ โทร +66 2650 8800 อีเมล์ fb.bangkok@lemeridien.com หรือเว็บไซต์ lemeridien.com/plazaatheneebangkok และplazaatheneebangkok.com