กรุงเทพฯ--29 ส.ค.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
“วราเทพ” ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการประชาคมในพื้นที่ปลูกข้าวจังหวัดปทุมธานี พร้อมขั้นตอนเกษตรกรชี้แปลงปลูกในแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียม และวัดพื้นที่ปลูกด้วยเครื่อง GPS ในพื้นที่จริง พร้อมเน้นย้ำให้มีความแม่นยำและถูกต้องในทุกขั้นตอน เพื่อป้องกันการทุจริตที่จะเกิดขึ้นกับโครงการฯ และไม่ให้เกษตรกรตัวจริงสูญเสียประโยชน์
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการประชาคมกลุ่มย่อย และการประชาคมภาพรวมโดยมีตัวแทนเกษตรกรชี้แปลงปลูกในแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียม รวมทั้งดูงานการสุ่มตรวจวัดพื้นที่ปลูกด้วยเครื่อง GPS พร้อมด้วยนางพรรณพิมล ชัญญานุวัตร อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ณ วัดเกตุประภา ตำบลบึงคำพร้อย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ว่า หลังจากกระทรวงเกษตรฯ ได้จัดการสัมมนาชี้แจงขั้นตอนการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในโครงการรับจำนำข้าวปี 2556/57 ให้แก่เกษตรอำเภอ และเกษตรตำบลทั่วประเทศให้รับทราบและความเข้าใจที่ถูกต้องทั้ง 3 ขั้นตอน ที่ได้มีการทบทวนและปรับปรุงการดำเนินงาน ให้มีความครอบคลุมและรัดกุมมากยิ่งขึ้น คือ 1) การรับขึ้นทะเบียน 2) การประชาคม 3) การออกใบรับรอง ซึ่งเกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้มีการขึ้นทะเบียนแล้วตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2556 - 30 มิถุนายน 2557 การประชาคมตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2556 -14 กรกฎาคม 2557 และการออกใบรับรองตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2556 -15 กันยายน 2557
นายวราเทพ กล่าวต่อไปว่า การลงพื้นที่ปลูกข้าวในจังหวัดปทุมธานีในครั้งนี้ เพื่อซักซ้อมและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและเกษตรกรเกี่ยวกับ การประชาคมและตรวจสอบพื้นที่ ซึ่งจะประกอบด้วย ขั้นตอนการประชาคมกลุ่มย่อย การประชาคมภาพรวม โดยเกษตรกรชี้แปลงปลูกในแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมและการสุ่มตรวจวัดพื้นที่ปลูกด้วยเครื่อง GPS สำหรับขั้นตอนของการประชาคมและตรวจสอบพื้นที่ สามารถแบ่งได้ 2 กรณีคือ กรณีไม่มีการคัดค้าน จะต้องดำเนินการสุ่มตรวจพื้นที่จริงร้อยละ 20 ของผู้เข้าร่วมประชาคม หากถูกต้องก็สามารถออกใบรับรองได้ หากไม่ถูกต้องน้อยกว่า 50% แปลงที่แจ้งเท็จจะถูกเพิกถอนสิทธิ์และถูกดำเนินการตามกฎหมาย และหากไม่ถูกต้องเกิน 50% ต้องทำประชาคมใหม่ แปลงที่แจ้งเท็จจะถูกเพิกถอนสิทธิ์และถูกดำเนินการตามกฎหมาย แต่หากพบกรณีมีการคัดค้าน จะต้องตรวจสอบพื้นที่จริงของผู้ถูกคัดค้านทุกรายทุกแปลง พร้อมสุ่มตรวจสอบพื้นที่ร้อยละ 20 ของจำนวนเกษตรกรที่ไม่ถูกคัดค้าน
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ ยังได้กำหนดมาตรการเข้มงวดเพิ่มเติมโดยในส่วนของการประชาคม กลุ่มย่อย ต้องประชาคมกลุ่มย่อย 5 — 10 ราย และลงชื่อรับรองข้อมูลร่วมกัน หากแจ้งข้อมูลเท็จ ตัดสิทธิการเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งกลุ่ม ขณะที่การประชาคมภาพรวมจะมีการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมรายตำบล หรือแผนที่ภาษีที่ดินของ อบต. ประกอบการประชาคมภาพรวมทุกราย และให้เกษตรกรชี้ที่ตั้งแปลงบนภาพถ่ายดาวเทียม จากนั้นจะมีการตรวจสอบพื้นที่จริง โดยเพิ่มการสุ่มตรวจวัดพื้นที่ปลูกจาก 10% เป็น 20% โดยเน้นให้ตรวจสอบกลุ่มที่ไม่มีสัญญาเช่า หรือไม่มีเอกสารสิทธิ์มาแสดงร้อยละ 70 และตรวจสอบพื้นที่จริงด้วย GPS จาก 10% เป็น 20% โดยเน้นให้ตรวจสอบกลุ่มที่ไม่มีสัญญาเช่า หรือไม่มีเอกสารสิทธิ์มาแสดงร้อยละ 70
"อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวในโครงการรับจำนำปี 2556/57 ในครั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้เน้นย้ำให้มีความแม่นยำและถูกต้องในทุกขั้นตอนเพื่อป้องกันการทุจริตที่จะเกิดขึ้นกับโครงการฯ และไม่ให้เกษตรกรตัวจริงสูญเสียประโยชน์ จึงขอให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่จะเข้าร่วมโครงการฯ ทุกรายแจ้งข้อมูลที่เป็นจริง หากเกษตรกรมีการแจ้งข้อมูลเท็จก็จะเพิกถอนสิทธิ์การเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเป็นระยะเวลา 3 ปีและมีความผิดตามกฎหมาย" นายวราเทพ กล่าว