กรุงเทพฯ--30 ส.ค.--ตลท.
บมจ. คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น (CSS) ผู้นำในธุรกิจจัดจำหน่ายสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าแบบครบวงจร พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 3 ก.ย. นี้ ด้วยมูลค่าระดมทุน 600 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและบริการ
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ. คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น (CSS) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจพาณิชย์ ในวันที่ 3 กันยายน 2556 โดย CSS ดำเนินธุรกิจหลักเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้าประเภทสายไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับระบบงานไฟฟ้าของผู้ผลิตชั้นนำระดับสากล และเป็นผู้ให้บริการออกแบบติดตั้ง รวมถึงบำรุงรักษาระบบโทรคมนาคมและระบบป้องกันไฟลาม
CSS มีทุนชำระแล้ว 350 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 500 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 200 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) 190 ล้านหุ้น และกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย 10 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 26-28 สิงหาคม 2556 ในราคาหุ้นละ 3 บาท โดยมีบริษัท ทริปเปิ้ล เอ พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายสมพงษ์ กังสวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CSS เปิดเผยว่า รู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทได้เข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ไปใช้ในการก่อสร้างคลังสินค้าและอาคารสำนักงานแห่งใหม่ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจของ CSS มีโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
CSS มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวกังสวิวัฒน์ ถือหุ้น 33.02% กลุ่มครอบครัวเมฆมณี ถือหุ้น 8.81% และกลุ่มครอบครัวอิทธิแสง ถือหุ้น 6.21% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 13.38 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัท 4 ไตรมาสที่ผ่านมา (1 กรกฎาคม 2555 - 30 มิถุนายน 2556) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังจากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.22 บาท โดยเมื่อเปรียบเทียบค่า P/E เฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหมวดพาณิชย์และผู้ประกอบการอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน (ระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม — 15 สิงหาคม 2556) มีค่า P/E เฉลี่ยถ่วงน้ำหนักอยู่ที่ 26.65 เท่า ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในแต่ละปีในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลของงบการเงินเฉพาะบริษัท และหลังหักเงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสะสมอื่นๆ ตามที่บริษัทกำหนด
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.cssthai.com และที่เว็บไซต์ www.set.or.th