กรุงเทพฯ--2 ก.ย.--บลจ.ฟินันซ่า
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ฟินันซ่า จำกัด (บลจ.ฟินันซ่า) เสนอกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือน อัตราผลตอบแทนโดยประมาณ 3.05% ต่อปี
“ตอนนี้ Sentiment การลงทุนไม่ดี ทั้งเรื่องลด QE เรื่องซีเรีย และเรื่องเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ แต่ผมเห็นว่า ขณะนี้สัญญาณบวกเริ่มมาบ้าง เช่น ตัวเลขเศรษฐกิจ G-3 (สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและยุโรป) ในไตรมาสที่ 2 ก็เป็นบวกหมด แม้ว่าเงินจะไหลออกบ้าง หุ้นปรับลดลงไปมาก แต่เงินบาทอ่อนค่า ช่วยกระตุ้นการส่งออก ดังนั้น ผมเชื่อว่าปลายปีจะเริ่มดีขึ้น แต่หากนักลงทุนยังไม่มั่นใจกับภาวะตลาด ก็ลงตราสารหนี้ไปก่อนได้”
“บลจ.ฟินันซ่า จึงออกกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือนเป็นทางเลือก แก่ลูกค้าที่กังวลต่อการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง ด้วยการออกกองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัสโรลโอเวอร์ 6 เดือน 1 (FAM FIPR6M1) โดยมีผลตอบแทนประมาณ 3.05% ต่อปี โดยเปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 2 - 9 ก.ย. 56 โดยสินทรัพย์ในกองทุนบางส่วนจะลงทุนเป็นเงินฝากธนาคารต่างประเทศและในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่ลงทุนได้ขึ้นไป”
สำหรับการลงทุน 6 เดือน เป็นกองทุนที่โรลโอเวอร์มาจากกองก่อนหน้านี้ FAM FIPR6M1 เป็นกองทุน specific fund โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ และ/หรือ เงินฝากของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ เงินฝากธนาคารต่างประเทศสกุลเงิน USD, CNY, HKD, EUR, JPY กับธนาคาร BOC(Macau), Standard Chartered Bank (Hong Kong), ธนาคาร CIMB Niaga (Indonesia) หรือเงินฝากสกุลเงิน AED ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank, UAE (F1), ธนาคาร Union National Bank, UAE(P-1), ธนาคาร CBQ (Qatar), ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ, ตั๋วแลกเงิน บมจ.ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) (BBB), ตั๋วแลกเงิน บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (BBB+), ตราสารหนี้ ตั๋วแลกเงิน บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (BBB+), ตั๋วแลกเงิน บมจ. อีซี่บาย (BBB+), ตราสารหนี้ บมจ.บัตรกรุงไทย (BBB+) หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป ตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น
หมายเหตุ: * โดยอัตราผลตอบแทนที่เสนอโดยผู้ออกตราสารและมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน USD, CNY, HKD, EUR, JPY, AED เป็นเงินบาทแล้ว (ข้อมูล ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2556)
** เงินฝากธนาคารออมสิน หรือ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ตั๋วเงิน หรือ หุ้นกู้ ธนาคารเกียรตินาคิน, ธนาคารไอซีบีซี(ไทย), ธนาคารทิสโก้, ธนาคารทหารไทย, ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย, ธนาคารกรุงไทย, บมจ.ทุนธนชาต, ธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย, บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย(A+) เป็นต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2556)
***ตั๋วแลกเงินหรือหุ้นกู้ เช่น หุ้นกู้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง(BBB+), บมจ.อีซี่บาย(BBB+) บมจ.บัตรกรุงไทย(BBB+), บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง(BBB+), บมจ.แสนสิริ(BBB+), บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น(BBB+), บมจ.มั่นคงเคหะการ(BBB+), บมจ.ช การช่าง (BBB+), บมจ.ถิรไทย(BBB+), บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์(A), บมจ.เอพี(ไทยแลนด์)(A), บมจ.ศุภาลัย(A-), บมจ.ภัทรลิสซิ่ง (A-), บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์(A-), บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ(A-), บมจ.อยุธยาแคปปิตอล ออโต้ลิส(A+), บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท(A),บจ.กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง(AA-) ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade)
- หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป หรือผลการประมูลของตราสารไม่เป็นไปตามที่กำหนด ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่ประมาณการไว้
- ทั้งนี้ ตราสารที่ลงทุน สัดส่วนการลงทุน และประมาณการค่าใช้จ่าย อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ หากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป หรือตามที่บริษัทจัดการเห็นสมควร
- กองทุนจะถือทรัพย์สินที่ลงทุนตลอดรอบการลงทุนแต่ละรอบ 6 เดือนโดยประมาณ
หากผู้ถือหน่วยไม่ส่งคำสั่งขายคืนหน่วยลงทุนมาภายในวันและเวลาที่กำหนดในการเปิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุน บริษัทจัดการจะถือว่าผู้ถือหน่วยลงทุนประสงค์ที่จะลงทุนต่อไปในรอบการลงทุนถัดไป
บริษัทจัดการสงวนสิทธิที่จะเปลี่ยนแปลงตราสารที่ลงทุน สัดส่วนการลงทุนและประมาณการค่าใช้จ่าย สำหรับการลงทุนในแต่ละรอบทุก 6 เดือนโดยประมาณ โดยไม่ถือเป็นการแก้ไขโครงการ โดยจะแจ้งรายละเอียดการลงทุนดังกล่าว ในหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปและหรือเว็บไซด์ของบริษัทจัดการ ให้ผู้ลงทุนทราบล่วงหน้า
โดยผู้ลงทุนสามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท ซึ่งหากนักลงทุนสนใจ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-352-4050 อัตราผลตอบแทนสามารถดูได้จากเอกสารแนบ
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต