กรุงเทพฯ--2 ก.ย.--IR PLUS
“JMT” ลุยซื้อหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตเพิ่มอีกจาก “ธนชาต” มูลค่ารวม 186 ลบ. แถมอยู่ระหว่างประมูลซื้อหนี้เพิ่มอีกอย่างต่อเนื่อง หนุนเป้าหมายการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารปีนี้เพิ่มอีกจำนวน 1 หมื่นล้านบาทยังคงเป็นตามเป้าหมายที่วางไว้ “ปิยะ พงษ์อัชฌา” แม่ทัพใหญ่ มั่นใจปีนี้ทั้งปีธุรกิจซื้อหนี้มาบริหารและติดตามหนี้ยังเดินหน้าไปได้สวย เชื่อผลงานปี 57 ยิ่งหรู เหตุรอรับรู้รายได้จากหนี้กองโตที่คาดจะตัดลูกหนี้ต้นงวดเสร็จสิ้นในปีหน้า บวกกับสามารถรับรู้รายได้หนี้ก้อนใหญ่ดังกล่าวนี้ทั้ง 100%
นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ และรับซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารระดับแนวหน้าของประเทศไทย เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ด้อยคุณภาพของสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต กับบริษัท ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) โดยสัญญามีมูลค่าหนี้คงค้างตามสิทธิ เท่ากับ 186 ล้านบาท โดยอัตราผลตอบแทนจากการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพในครั้งนี้หลังหักค่าใช้จ่ายถือว่าอยู่ในระดับปกติเมื่อเทียบกับการซื้อหนี้ในครั้งที่ผ่านมา
“ ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ประมูลซื้อหนี้เพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ซื้อหนี้ด้อยคุณภาพประเภทสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต จากธนาคารธนชาตจำนวน 186 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นอีกครั้งที่น่าพอใจอย่างมาก และแสดงให้เห็นว่า JMT มีศักยภาพ และความพร้อมในงานด้านการบริหารหนี้อย่างแท้จริง จึงทำให้หลายหน่วยงานได้ให้ความไว้วางใจ ส่งผลให้บริษัทฯ มีเป้าหมายการซื้อหนี้บริหารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี อีกทั้ง บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญในการคัดเลือกซื้อหนี้ที่มีคุณภาพมาบริหารจัดการ ส่งผลให้การจัดเก็บหนี้ของบริษัทฯ มีประสิทธิภาพในทิศทางเดียวกันอีกด้วย และเป็นอีกปัจจัยสำคัญส่งผลให้บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้ในอนาคต” นายปิยะ กล่าว
ทั้งนี้ปี 2556 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารเพิ่มอีกจำนวน 1 หมื่นล้านบาท เชื่อว่าจะยังเป็นไปตามนั้น เพราะแนวโน้มภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มเติบโตที่ดี หนี้ในระบบมีค่อนข้างเยอะ และเป็นโอกาสของ JMT ให้เข้าไปซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างเร่งเก็บกระแสเงินสดรับจากหนี้กองใหญ่ ซึ่งกำลังจะตัดลูกหนี้ต้นงวดใกล้หมดเรียบร้อยแล้ว และหลังจากตัดลูกหนี้ต้นงวดเสร็จสิ้น บริษัทฯ จะสามารถรับรู้รายได้จากกระแสเงินสดรับจริงในหนี้กองใหญ่ดังกล่าวทั้ง 100% ในปี 2557 จึงเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญสนับสนุนให้ผลงานบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต
“ผลงานในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถจัดเก็บหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในมีหนี้กองใหญ่ 2 กองที่กำลังเร่งตัดลูกหนี้ต้นงวดให้เสร็จสิ้น เพื่อลดความเสี่ยงและลดต้นทุนทางการเงิน จึงส่งผลให้ลูกหนี้ต้นงวดคงเหลือของบริษัทลดน้อยลง แต่ทั้งนี้ คาดว่าหนี้กองแรกจะสามารถตัดลูกหนี้ต้นงวดเสร็จในปี 2557 อีกทั้ง บริษัทฯ ได้ประมูลหนี้เข้าพอร์ตเพิ่มอีกอย่างต่อเนื่อง จึงมองว่า ผลงานในปี 2557 JMT จะมีการเติบโตอย่างมาก และเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต” นายปิยะ กล่าว