วี.เอ็ม.พี.ซี. ชี้ภาพรวมตลาดอสังหาฯ กลุ่มบนยังเติบโต แต่หวั่น “กำลังซื้อหาย” ในตลาดกลุ่มล่าง เพราะหนี้ครัวเรือนเพิ่มและภาคธนาคารคุมเข้มปล่อยสินเชื่อ

ข่าวอสังหา Tuesday September 3, 2013 15:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 ก.ย.--โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น วี.เอ็ม.พี.ซี. เผยล่าสุด ภาพรวมตลาดอสังหาฯ กลุ่มกลางถึงบนยังมีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง การขยาย เครือข่ายคมนาคม คือ ปัจจัยหลักในการเกิดชุมชนใหม่ มั่นใจในอีก 1-2 ปีข้างหน้าจะเป็นโอกาสทอง ของผู้ประกอบการอสังหาฯ จะเกิดจุดเปลี่ยนในการพัฒนาครั้งใหม่ โครงการแนวราบเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่โครงการแนวสูงย่านชานเมืองอาจจะเติบโตในอัตราชะลอตัว สืบเนื่องจากภาระหนี้ที่พุ่งสูงขึ้น ในส่วนผู้บริโภค มั่นใจ “ฟองสบู่” ยังไม่เกิด หากผู้ประกอบการและภาคการเงินเดินตามกติกา นายปริญญา เธียรวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.เอ็ม.พี.ซี. จำกัด เปิดเผยว่า ตลอด 3 ไตรมาส ที่ผ่านมาภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ? ยังคงเติบโต โดยมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 300,000 ล้านบาทต่อปี แต่เมื่อวิเคราะห์การเติบโตเชิงลึกพบว่ารายละเอียดภายในมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพราะการเติบโตในส่วน คอนโดมิเนียมในระดับราคา 800,000 — 2,000,000 บาท เริ่มมียอดขายที่ชะลอตัวอย่างชัดเจน ทั้งนี้ น่าจะเกิดจากที่ผู้บริโภคได้นำเงินไปใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ ที่เร่งด่วนกว่า อาทิ การผ่อนรถยนต์ การเพิ่มค่าใช้จ่าย ในชีวิตประจำวันเนื่องจากการปรับตัวของราคาสินค้าอุปโภคบริโภค แม้จะได้รับการปรับขึ้นค่าแรงก็ตาม ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทางธนาคารเองก็ชะลอการปล่อยสินเชื่อรายย่อยให้ให้ผู่ที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ เหตุเพราะเกรงภาวะฟองสปู่ “ผมเชื่อว่าเมืองไทยมีประสบการณ์จากเหตุวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อครั้งที่ผ่านมา ทำให้มั่นใจว่าผู้ประกอบการและ สถาบันการเงินต่างๆ คงต้องวางกรอบกำหนดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก แต่อย่างไรก็ตามเราเองก็ต้อง ดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบยิ่งขึ้น เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภค ณ ปัจจุบันเปลี่ยนไป สมัยอดีตเราเชื่อว่า “ปัจจัย 4” คือ เรื่องสำคัญของชีวิต ที่ประกอบด้วย อาหาร เสื้อผ้า ยารักษาโรค และที่อยู่อาศัย แต่ ณ ปัจจุบันสังคมเปลี่ยน เพราะคนในปัจจุบันอยู่ในยุควัตถุนิยม ซึ่งก่อให้เกิดปัจจัยที่ต้องใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จนบางครัวเรือนแทบไม่มีเงินสำรองแถมยังต้องเป็นหนี้ทั้งในและนอกระบบด้วย ซึ่งภาระในปัจจัยเพิ่มเติมดังกล่าว จะมาเบียดบังงบสำหรับใช้จ่ายในส่วนปัจจัย 4 ไป จึงปฏิเสธผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้ ทำให้ตลอด 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ตัวเลขยอดจองคอนโดฯ ระดับล่างเริ่มชะลอตัว และควรจับตามองตลาดกลุ่มนี้ว่าจะมีทิศทาง อย่างไรนับจากนี้” นายปริญญา เธียรวร กล่าว “ผมมองว่าตลาดที่มีวินัยทางการเงินและแบบแผนที่รัดกุมจะนำไปสู่การสร้างสมดุลย์แบบอัตโนมัติ ในส่วนของ ผู้ประกอบการเองนั้น ไม่มีใครอยากล้มเหลว สถานการณ์ที่บีบรัดจะทำให้เหลือแต่ผู้เล่นตัวจริงในสนาม ซึ่งจะก่อให้เกิดการพัฒนาโครงการคุณภาพให้ลูกค้าได้เลือกซื้อมากขึ้น นโยบายการขยายเครือข่ายคมนาคม จะทำให้เกิดชุมชนใหม่ๆ และแน่นอนว่าธุรกิจอสังหาฯ ก็ต้องเติบโตเพื่อรองรับความต้องการที่เกิดขึ้นใหม่เช่นกัน ในส่วนของ วี.เอ็ม.พี.ซี. เอง เรายังคงเน้นสร้างโครงการแนวราบที่จับกลุ่มระดับบน เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจ จะเป็นอย่างไร กลุ่มตลาดดังกล่าวยังคงสร้างยอดขายได้ดีเสมอมา แต่ก็เป็นความท้าทายของผู้ประกอบการ ที่จะต้องคิดสร้างสรรค์โครงการให้ตรงใจผู้ซื้อในกลุ่มนี้ ที่มีความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูง คุ้มราคา และที่สำคัญต้องอยู่ในทำเลที่มีอนาคต” นายปริญญา เธียรวร กล่าวเสริม ทั้งนี้ วี.เอ็ม.พี.ซี. ยังคงวางแผนพัฒนาโครงการในย่านพระราม 2 อย่างต่อเนื่อง เพราะถือเป็นย่านที่มี การพัฒนาด้านผังเมืองและระบบคมนาคมที่เหมาะแก่การอยู่อาศัย “บริเวณพระราม 2 มีทิศทางเติบโต มากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาประมาณ 1 เท่าตัว เป็นผลมาจากผังเมืองใหม่ที่ปรับสีผังเมือง จากสีเหลือง-ส้ม เป็นส้ม ทำให้สามารถสร้างอาคารขนาดใหญ่ได้ นอกจากนี้ ทำเลพระราม 2 ยังเป็นย่านที่ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ และผู้ประกอบการท้องถิ่น ต่างพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวใหม่ในระดับไฮเอนด์ราคา 15-50 ล้านบาท อย่างต่อเนื่อง ในส่วนของตลาดแนวสูงก็มีคอนโดมิเนียมเริ่มผุดให้เห็นเช่นกัน โดยปัจจัยที่ทำให้ ย่านพระราม 2 มีการเจริญเติบโตในทิศทางที่ดีนั้น เพราะ พระราม 2 เป็นจุดกึ่งกลางของการเดินทางเข้าสู่ ย่านเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยด้านการขยายและเพิ่มความสะดวกสบายของ ระบบสาธารณูปโภคด้านคมนาคมก็เป็นอีกหนึ่งพลังผลักดันการเติบโต ทั้งโครงการทางด่วนเพิ่มเติมส่วนขยาย ต่อจากดาวคะนอง มุ่งหน้าวงแหวน โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงผ่านบริเวณแยกสุขสวัสดิ์ ตัดพระราม 2 และยังเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน สวนสาธารณะ และระบบขนส่งมวลชนล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้พระราม 2 เติบโตขึ้นอย่างน่าจับตา โดยปลายปีนี้ บริษัทฯ วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในชื่อ “แอสเทรา ไพรด์ สุขสวัสดิ์” บ้านหรูขนาด 4 ชั้น จำนวน 47 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 25 ล้านบาท บนพื้นที่ 12 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 1,300 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างบ้าน เพื่อให้แล้วเสร็จก่อนขาย ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมเช่นเดียวกับโครงการแอสเทรา เรสซิเดนซ์ พระราม 2 - พุทธบูชา บ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น โครงการแรกย่านพระราม 2” นายปริญญา เธียรวร กล่าวสรุป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ