กรุงเทพฯ--5 ก.ย.--โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ธนบุรี
วันนี้ สังคมไทยยังต้องการการมีจิตอาสาอีกหลายด้าน ไม่ใช่เพราะสังคมไทยอ่อนแอ ไม่ใช่เพราะสังคมไทยแตกแยก ไม่ใช่เพราะสังคมไทยคิดต่าง แต่เพราะวันนี้ประเทศไทยต้องการปลูกฝัง ให้เยาวชนไทยมีจริยธรรม มีใจเอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น มีใจรักในประเทศชาติ รักสังคม รักครอบครัว รักพ่อแม่ และรักสถาบันที่ตัวเองได้ร่ำเรียน ที่สำคัญ...มีใจรักในธรรมชาติสิ่งแวดล้อมรอบตัว
หลายฝ่ายต้องตระหนักและช่วยกัน ไม่ว่าจะเป็น บ้าน ชุมชน องค์กร ต่าง ๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งโรงเรียน สถานที่ซึ่งจะช่วยปลูกจิตสำนึกให้กับเด็กๆที่กำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ให้เข้มแข็งทั้งกายและใจ ให้มีต้นทุนทางใจในการใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในสังคม
การปลูกป่าชายเลนนับเป็นอีกหนึ่ง กิจกรรมของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ธนบุรี ที่ช่วยพัฒนาผู้เรียน เพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ที่ช่วยเสริมสร้างการมีจิตอาสาให้กับเด็ก นอกจากจะได้เรียนรู้เรื่องการปลูกป่าชายเลน การอนุรักษ์ธรรมชาติ และได้เห็นความสำคัญ ในการเรียนรู้ระบบนิเวศให้มากขึ้นแล้ว ยังช่วย ปลูกจิตสำนึก...ปลูกใจให้....ลูก ส.ก.ธ. ได้ตระหนักถึงหน้าที่ความรับผิดชอบที่จะช่วยเหลือสังคมส่วนรวม นักเรียนได้เรียนรู้พื้นที่ป่าชายเลน และระบบนิเวศมากยิ่งขึ้น เสริมสร้างระเบียบวินัย และการทำงานร่วมกับผู้อื่น มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รู้จักการแก้ปัญหาและปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม และสืบสาน อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รู้จักเสียสละ และบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม
กิจกรรมในวันนี้สืบเนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์การกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนบนตั้งแต่ปากแม่น้ำบางปะกงจนถึงปากแม่น้ำแม่กลองเป็นพื้นที่อ่อนไหว มีการกัดเซาะชายฝั่งที่รุนแรงที่สุดของประเทศประมาณ 35 เมตรต่อปี ผืนดินหายไปแล้ว 18,594 ไร่ บางแห่งถูกกัดเซาะลึกกว่า 1 ก.ม. จนชาวบ้านอพยพย้ายบ้านหนีไม่ต่ำกว่า 4-5 ครั้ง ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งมีสาเหตุที่สำคัญสาเหตุหนึ่งคือ การลดลงของพื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งนอกจากจะมีความสำคัญต่อระบบนิเวศชายฝั่งและสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นแนวป้องกันทางธรรมชาติที่ช่วยรักษาแนวชายฝั่งทะเลไม่ให้ถูกกัดเซาะโดยคลื่นลมและกระแสน้ำชายฝั่ง ป่าชายเลนนอกจากจะเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำช่วยกรองมลภาวะบริเวณชายฝั่งเป็นแหล่งไม้สำหรับใช้ก่อสร้าง และยังเป็นกำแพงลดความรุนแรงของคลื่นและพายุที่จะมากัดเซาะชายฝั่งได้อีกทางหนึ่ง
ต้องขอบคุณโรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนนำร่องเรื่องการปลูกป่าชายเลน ให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ด้านเกษตรน้ำเค็มตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงมีการจัดแหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับวิถีชีวิตชุมชน โดยการจัดสร้างหมู่บ้านเกษตรน้ำเค็มขึ้นภายในโรงเรียนควบคู่กับการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานครเขตบางขุนเทียนที่ให้บริการความรู้เรื่องบางขุนเทียนและเป็นการแนะนำการท่องเที่ยวภายในบางขุนเทียนอย่างน่าสนใจ
เรียกได้ว่างานนี้นอกจากกิจกรรมการปลูกป่าแล้ว ยังได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตจากกิจกรรมในฐานการเรียนรู้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำไข่เค็ม การทำขนมนิรันดร (ขนมจาก) การทำผ้าบาติก และการได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ฯ นับเป็นการเรียนรู้ชีวิตนอกตำราเรียนที่เด็กได้สัมผัสและปฏิบัติจริงด้วยตนเองอีกด้วย
การเริ่มต้นช่วยกันตั้งแต่วันนี้ นอกจากจะเกิดผลดีต่อสังคมไทยแล้ว การปลูกป่าชายเลน ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการ ปลูกจิตสำนึก...ปลูกใจให้....ลูก ส.ก.ธ.และเยาวชนไทยอีกหลายต่อหลายคนตลอดไป