กรุงเทพฯ--5 ก.ย.--อาร์คเวิลด์ไวด์
เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสโนคอต (Senokot) ยาระบายมะขามแขก จัดงาน “อวสาน อาการท้องผูก อึดอัด ติดขัด นึกถึง เสโนคอต” เพื่อให้ความรู้เรื่องอาการท้องผูก หนึ่งในปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย อันส่งผลต่อการใช้ชีวิตและระบบต่างๆ ในร่างกายมากกว่าที่คิดหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม พร้อมชมนิทรรศการ “ลำไส้ยักษ์” ที่รวบรวมเอาความรู้เรื่องอาการท้องผูก รวมทั้งวิธีการป้องกันและรักษามาจัดแสดงผ่านลำไส้จำลองขนาดใหญ่ ภายในงานมีการเสวนาพิเศษที่น่าสนใจภายใต้หัวข้อ “ท้องผูกที่มากกว่าแค่ระบาย ชะลอวัยและไกลโรคร้าย ต้องไม่ให้ท้องผูก” โดย นายแพทย์ กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ที่จะมาไขข้อสงสัยและแนะนำวิธีการรักษาอาการท้องผูกแบบธรรมชาติ
ในภาวะการดำรงชีวิตในปัจจุบันที่ต่างเต็มไปด้วยความเร่งรีบ อยู่ภายใต้ภาวะกดดัน และความเครียดต่างๆ รวมไปถึงอาหารที่รับประทานในทุกๆ วัน ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่สะสมที่ส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการท้องผูก นั่นคือ ร่างกายไม่สามารถขับของเสียที่ถูกสะสมมาหลายชั่วโมง หรือบางคนอาจจะหลายวัน หรือหลายสัปดาห์ให้ออกไปได้ เมื่อร่างกายมีของเสียตกค้างอยู่ในลำไส้นานๆ ก็เหมือนของบูดเน่า พอร่างกายมีการดูดซึมสารอาหาร กลับไปในร่างกาย ก็ดูดของเสียเหล่านี้กลับเข้าไปผ่านกระแสเลือด แทนที่จะเป็นอาหารที่มีประโยชน์กลับกลายเป็นสารพิษที่ตกค้างอยู่ นอกจากนั้นแล้ว การรับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารต่ำ หรืออาหารที่มีปริมาณแคลเซี่ยมน้อย ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของอาการท้องผูกด้วยเช่นกัน
นางสาวเจิดสาย สุขแก้ว ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แผนก เฮลท์แคร์ บริษัท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า “อาการท้องผูกเป็นปัญหามักพบได้ในทุกเพศทุกวัย โดยคนส่วนใหญ่มักที่จะละเลยกับปัญหาสุขภาพนี้ เพราะคิดว่าเป็นปัญหาที่ไม่รุนแรง และหายเองได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วอาการท้องผูกเป็นสัญญาณอันตรายที่อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ตามมาอีกมากมาย อาทิ สิว นอนไม่หลับ สารพิษสะสม และที่ร้ายแรงที่สุดคือโรคมะเร็งลำไส้ สำหรับวิธีรักษาอาการท้องผูกและลดอาการไม่สบายในช่องท้องนั้น ควรเริ่มด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น บริโภคอาหารให้พออิ่ม บริโภคอาหารที่มีเส้นใยสูง ส่วนผู้ที่มีข้อจำกัดในการทานอาหารที่มีเส้นใยในปัจจุบันก็มีผลิตภัณฑ์เพิ่มกากใยอาหารซึ่งช่วยปรับสมดุลของร่างกายและทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ นอกจากนี้ผู้ที่มีปัญหาท้องผูกควรดื่มน้ำให้มากกว่าที่บริโภคอยู่เป็นประจำ ขั้นตอนต่อมาควรพิจารณาเลือกใช้ยาระบายจากธรรมชาติ อาทิผลิตภัณฑ์ เสโนคอต ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของยาระบายธรรมชาติผลิตจากฝักเมล็ดของต้นมะขามแขก 100% ซึ่งมีผลการศึกษายืนยันมาเป็นเวลาหลายร้อยปีว่าเป็นยาจากธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูงในการบรรเทาอาการท้องผูกและปลอดภัยสำหรับใช้ในระยะเวลานานๆ มีผลทำให้อาหารที่ถูกย่อยเดินทางออกไปจากลำไส้ได้เร็วขึ้น”และ ”ไฟโบเจล” ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ช่วยเพิ่มใยอาหาร คืนสมดุลให้ร่างกาย”
งาน อวสาน อาการท้องผูก อึดอัด ติดขัด นึกถึง เสโนคอต นี้ได้รับเกียรติจากนายแพทย์ กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ มาไขข้อสงสัยและแนะนำวิธีการรักษาอาการท้องผูกแบบธรรมชาติ ที่มีประโยชน์มากกว่าแค่การระบาย ผ่านการเสวนาพิเศษภายใต้หัวข้อ “ท้องผูกที่มากกว่าแค่ระบาย ชะลอวัยและไกลโรคร้าย ต้องไม่ให้ท้องผูก” โดยนายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช กล่าวว่า “ร่างกายมนุษย์นั้นเป็นเหมือนเครื่องจักรที่แสนมหัศจรรย์ เพราะทำงานอยู่ตลอด 24 ชั่วโมงแม้ในขณะที่เรานอนหลับ และส่วนหนึ่งของงานที่สำคัญที่สุดที่หยุดไม่ได้นั่นคือการ “ระบายของเสีย” ซึ่งอวัยวะที่รับหน้าที่นี้ที่เห็นชัดและสำคัญมากก็คือ ‘ลำไส้’ เพราะลำไส้เป็นเสมือนท่อระบายขนาดใหญ่ที่ช่วยให้เครื่องจักรมนุษย์นี้ทำงานอยู่ได้อย่างเป็นปกติ ส่วนของลำไส้ที่ทำงานระบายหลักคือ “ลำไส้ใหญ่” ซึ่งหากทำงานได้เป็นปกติก็จะส่งผลดีต่อร่างกาย แต่ถ้าเมื่อไรลำไส้ใหญ่มีปัญหา “ไม่ระบาย” ขึ้นมาหรือว่า “ระบายยาก” กว่าปกติที่เคยเป็น เมื่อนั้นจะส่งผลต่อร่างกายโดยรวมของเราอย่างแน่นอน และหากปล่อยเอาไว้นานจนมีอาการเรื้อรังก็ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่อีกด้วย”
คุณหมอได้กล่าวถึงสาเหตุของอาการท้องผูกที่อาจมาจาก 2 ส่วน คือ สาเหตุจากนอกลำไส้ ได้แก่ ลำไส้แปรปรวน ความเครียดลงลำไส้ นอนดึก อาหารและยาบางชนิดที่มีผลทำให้ท้องผูก และสาเหตุจากในลำไส้ หรือที่เรียกว่า ลำไส้ขี้เกียจ ลำไส้ขยับน้อยจากระบบประสาท การตั้งครรภ์ และการมีโรคที่ตัวลำไส้เอง ทั้งนี้พฤติกรรมการขับถ่ายแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป ทุกคนควรสังเกตว่าโดยปกติจะขับถ่ายในระยะเวลาประมาณเท่าไหร่ หากมากกว่านั้นก็ให้สงสัยว่ากำลังมีอาการท้องผูก
นอกจากโรคที่อาจเกิดขึ้นตามข้างต้นแล้ว อาการท้องผูกหากทิ้งเอาไว้เป็นระยะเวลานานอาจเป็นสาเหตุของโรคที่ร้ายแรง นั่นคือ มะเร็งลำไส้ ซึ่งจากงานวิจัยที่เผยในงาน American College of Gastroenterology’s 77th Annual Scientific Meeting เมื่อปีที่ผ่านมาพบว่า ท้องผูกเรื้อรังมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ (Chronic Constipation Linked to Increased Risk of Colorectal Cancer) ผู้ที่ท้องผูกเรื้อรัง (Chronic Constipation) พบมะเร็งลำไส้ใหญ่และเนื้องอกลำไส้ชุกกว่ากลุ่มควบคุม และความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่มากขึ้นถึง 1.78 เท่า และเนื้องอกในลำไส้ถึง 2.70 เท่า แม้จะไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็นเหตุและผลกันโดยตรง แต่เรื่องท้องผูกกับลำไส้ใหญ่เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องป้องกันไว้ก่อน
“เราเองสามารถสังเกตสัญญาณอันตรายที่ชวนสงสัยว่ามีความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ร่วมกับท้องผูกได้คือ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ท้องผูกสลับกับท้องเสีย และพบเม็ดเลือดแดงในอุจจาระ นอกจากโรคร้ายอย่างมะเร็งแล้ว การที่ร่างกายสะสมพิษเอาไว้มากเกินไป ยังเป็นตัวทำให้ร่างกายเสื่อมเร็วหรือพูดง่ายๆ ว่า “แก่” ซึ่งถ้าลำไส้ทำหน้าที่ของตัวเองโดยการ “ระบาย” ออกได้ดีเป็นปกติก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าระบายติดๆ ขัดๆ ผิดนัดบ่อยก็ง่อยนะครับ”
ผลิตภัณฑ์เสโนคอต ประกอบด้วยเซนนา มีฤทธิ์เป็นยาระบายจากธรรมชาติ ผลิตจากฝักเมล็ดของต้นมะขามแขก มีประสิทธิภาพออกฤทธิ์โดยการกระตุ้นให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหว เซนนาในเม็ดยาเสโนคอต ประกอบด้วยตัวยาสำคัญ เซนโนไซด์ ซึ่งอยู่ในรูปแบบที่ทำให้ได้มาตรฐาน ในปริมาณ 7.5 มิลลิกรัม คงที่ทุกเม็ด โดยเม็ดยาเสโนคอตจะออกฤทธิ์ภายใน 8 — 12 ชั่วโมง และไม่ทำให้เกิดอาการปวดมวนท้องอีกด้วย
นอกจากจะได้รับความรู้เรื่องความสำคัญของการระบาย และโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากอาการท้องผูกโดยนายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช แล้ว ภายในงานยังมีการจัดนิทรรศการลำไส้ยักษ์ความยาว 4 เมตรจำลองลำไส้ที่แสดงอาการท้องผูก และยังมีหนังสือยักษ์ขนาด 80 x 120 เซนติเมตร ให้ความรู้เรื่องสาเหตุและวิธีการป้องกันรักษาอาการท้องผูก ตลอดจนถึงปัญหาสุขภาพที่จะเกิดขึ้นจากอาการท้องผูก
งานนี้ได้รับเกียรติจาก ดร. ขวัญ หารทรงกิจพงษ์ โดย ดร. ขวัญ กล่าวว่า “เป็นคนที่ต้องเดินทางบ่อย เวลาเดินทางถ้าต้องขึ้นเครื่องบินเป็นวันๆ จะมีอาการท้องผูก เมื่อก่อนพยายามรับประทานผลไม้ ซึ่งจะใช้เวลากว่าจะระบายออกมา เวลาถ่ายไม่ออกจะรู้สึกเลยว่า ผิวพรรณหมอง ปัจจุบันถ้ามีการอาการท้องผูกจะใข้เสโนคอตช่วย รู้สึกว่าใช้แล้วกำลังดี ไม่รู้สึกเหมือนท้องเสียหรือต้องวิ่งเข้าห้องน้ำ จะเหมือนการถ่ายตามธรรมชาติ ระบายออกไปเฉยๆ ยิ่งพอได้รับฟังคำแนะนำจากคุณหมอ ทำให้รู้ว่ายังมีอะไรที่เรามองข้ามไปอีกเยอะ บางทีเรามีอาการท้องผูกก็ปล่อยให้มีอาการ ไม่ได้รักษา ซึ่งอาจทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้อีกมากมาย”
ทางด้าน คุณพิมภัทร์ ยมนาค เผยว่า “ปกติถ้ามีอาการท้องผูกจะมีวิธีระบายด้วยการกินอาหารที่มีไฟเบอร์อย่างผักและผลไม้ และจะพยายามดื่มน้ำให้มาก คิดว่าอาการท้องผูกมักมีสาเหตุมาจากความเครียด โภชนาการ และการใช้ชีวิต พอร่างกายไม่ได้ระบายก็ทำให้เกิดอาการท้องผูก เป็นสิว ผิวพรรณไม่ดี เพราะของเสียไม่ได้ถูกขับออกไป การใช้ยาระบายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาในการหาซื้อผักหรือผลไม้ทาน ลำไส้ยักษ์จำลองนี้ทำให้เห็นว่าในลำไส้เวลาลำไส้อึดอัด ระบายไม่ออกเป็นอย่างไร และเราเองทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์หรืออาหารที่ไม่ค่อยมีไฟเบอร์มากเกินไปหรือเปล่า”
การเก็บพิษจากอาการท้องผูกเรื้อรังมีอันตรายต่อร่างกายมากกว่าที่คิด เพราะนอกจากจะเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันโดยตรง เช่น อาการสิว โรคนอนไม่หลับ ริดสีดวง แผลปริทวารหนัก และลำไส้อุดตันแล้ว ยังเป็นสาเหตุของโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งลำไส้อีกด้วย ดังนั้น ระบบระบายในร่างกายที่เป็นปกติ จะช่วยขจัดของเสียและสารพิษ เพื่อให้คุณไกลจากโรคร้ายและช่วยชะลอวัยด้วย ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสโนคอตได้ที่ www.senokot.co.uk
*** เม็ดยาเสโนคอตมีตัวยาสำคัญอย่างเซนโนไซด์ในปริมาณมาตรฐานคงที่ทุกเม็ด ส่งผลให้การออกฤทธิ์ของยาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การขับถ่ายเป็นไปอย่างธรรมชาติ ไม่เกิดอาการท้องเสียต่อเนื่อง และไม่ทำให้เกิดอาการข้างเคียงอื่นๆ