กรุงเทพฯ--6 ก.ย.--มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
อาจารย์ วชิระ แสงรัศมี อาจารย์จากภาควิชาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี คิดค้นการทำบล็อกน้ำหนักเบาจากเยื่อกระดาษเหลือทิ้ง
อ.วชิระ เปิดเผยว่าวัสดุก่อสร้างในประเทศไทยเช่นอิฐมอญบล็อกคอนกรีตและบล็อกดินผสมซีเมนต์มีค่าการนำความร้อนสูงและมีน้ำหนักมากเมื่อพิจารณาตามเกณฑ์มาตรฐานวัสดุสมัยใหม่ที่ใส่ใจด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ด้วยข้อจำกัดนี้เองจึงเป็นแรงบันดานใจให้ตนพัฒนาบล็อกประสานน้ำหนักเบาจากเยื่อกระดาษเหลือทิ้งเหตุผลที่นำเยื่อกระดาษมาเป็นส่วนผสมเพราะ ในภาคอุตสาหกรรมยังมีวัสดุเหลือทิ้งทางด้านอุตสาหกรรมอีกจำนวนมากที่ต้องการนำไปใช้ประโยชน์เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการและเพิ่มมูลค่าเมื่อพิจารณาโรงงานผลิตกระดาษลูกฟูกที่มีวัสดุเหลือทิ้งที่เป็นกากตะกอนเยื่อกระดาษที่มีปริมาณมากถึง 1 ตันต่อวันที่ต้องนำไปฝังกลบและเผาทำลายจึงเกิดแนวคิดในการนำกากตะกอนเยื่อกระดาษเหลือนี้มาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตวัสดุก่อสร้างซึ่งกากตะกอนเยื่อกระดาษเหลือทิ้งเหล่านี้มีขนาดเส้นใยที่เล็กมากหรือที่เรียกกันว่า “เยื่อ” เยื่อมีองค์ประกอบของเซลลูโลสและลิกนินเป็นส่วนใหญ่เยื่อนี้มีความหนาแน่นต่ำและมีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนได้ดีหากนำมาใช้เป็นส่วนผสมเพื่อผลิตเป็นวัสดุก่อสร้างมวลเบาได้ก็น่าจะเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในจากการกำจัดลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและเพิ่มมูลค่าของวัสดุเหลือทิ้งอีกด้วย
จากสาเหตุเหล่านี้จึงเป็นที่มาของการพัฒนาบล็อกประสานน้ำหนักเบาชนิดใหม่ที่มีค่าการนำความร้อนต่ำเพื่อใช้ในการก่อสร้างและการตกแต่งภายนอกอาคารในการวิจัยได้แบ่งอัตราส่วนผสมของวัสดุออกเป็นสองกลุ่มกลุ่มแรกเป็นการปรับปรุงส่วนผสมเดิมโดยการเพิ่มเยื่อกระดาษเหลือทิ้งในปูนซีเมนต์ดินลูกรังกลุ่มที่สองเป็นการพัฒนาอัตราส่วนผสมและวัตถุดิบใหม่ ส่วนผสมคือปูนซีเมนต์ทรายผงสีและเยื่อกระดาษเหลือทิ้งเพื่อทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้เยื่อกระดาษเหลือทิ้งในอัตราส่วนต่างๆเพื่อลดความหนาแน่นของวัสดุและลดค่าการนำความร้อนโดยคุณสมบัติทางกายภาพทางกลและการนำความร้อนของบล็อกประสานถูกทดสอบหลังจากการบ่มที่ 28 วัน
จากผลการวิเคราะห์หาปริมาณโลหะหนักปนเปื้อนในเยื่อกระดาษเหลือทิ้งจากโรงงานกระดาษลูกฟูกต่ำกว่าข้อกำหนดฉลากเขียวสำหรับแผ่นอัดสำหรับงานอาคารตกแต่งและอุตสาหกรรมเครื่องเรือนการเพิ่มส่วนผสมของเยื่อกระดาษเหลือทิ้งช่วยลดน้ำหนักและลดความหนาแน่นของวัสดุได้ดีบล็อกชนิดใหม่นี้มีค่าการนำความร้อนลดลงร้อยละ 34 น้ำหนักลดลงร้อยละ 22.5 และมีสีแดงที่เข้มกว่าเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับบล็อกประสานดินลูกรังผสมซีเมนต์ในท้องตลาด
จากผลงานดังกล่าวคงไม่ผิดนักที่จะสรุปว่าการพัฒนาบล็อกประสานชนิดใหม่ที่ใช้ประโยชน์จากเยื่อกระดาษเหลือทิ้งในโรงงานผลิตกระดาษนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าของวัสดุเหลือทิ้งแล้วช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องความร้อนการบริหารจัดการของเสียจากโรงงานและยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย