FPI ปรับกลยุทธ์มุ่งเน้นการลงทุน พัฒนาสินค้าใหม่ — ขยายตลาด รองรับการผลิตเพิ่ม

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 10, 2013 11:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 ก.ย.--IR network “ฟอร์จูนพาร์ท อินดัสตรี้” เปิดกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง มุ่งเน้นการลงทุนหลัก 3 ส่วน ได้แก่ สำนักงานใหม่ และห้องแสดงสินค้า มูลค่า 40 ล้านบาท และแม่พิมพ์โมเดลใหม่เพิ่ม 100 ล้านบาท รับการขยายตัวตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งก่อสร้างคลังเก็บสินค้าเนื้อที่ 24,000 ตารางเมตร บวกกับของเดิมที่มีอยู่แล้ว ทำให้มีพื้นที่เก็บสินค้าเพิ่มขึ้นเป็น 72,000 ตารางเมตร “สมพล ธนาดำรงศักดิ์” ประกาศเดินหน้าลุยธุรกิจอย่างเต็มที่ แถมส้มหล่นรับอานิสงส์บาทอ่อน คาดดันยอดขายภายใน 3 ปี โตไม่ต่ำกว่า 20% ต่อ ปี นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูนพาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะมุ่งเน้นการลงทุนใน 3 ส่วนหลัก ได้แก่ การลงทุนในสำนักงานใหม่ และห้องแสดงสินค้าตัวอย่าง มูลค่า 40 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดทั้งในและต่างประเทศ และการลงทุนแม่พิมพ์โมเดลใหม่เพิ่มอีก 100 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกที่ลงทุนไปแล้ว 50 ล้านบาท รวมเป็น 150 ล้านบาท โดยเน้นในส่วนของสินค้ากันชน และอุปกรณ์ตกแต่งชุดสเกิร์ตรอบคัน คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 300 ล้านบาท ในช่วงระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า และรายได้ขั้นต้นผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าวสูงขึ้น รวมถึงการก่อสร้างอาคารคลังเก็บสินค้า เนื้อที่ใช้สอย 24,000 ตารางเมตร เพิ่มจากเดิม 48,000 ตารางเมตร เริ่มก่อสร้างประมาณเดือนกันยายนนี้ แล้วเสร็จช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และการเติบโตต่อเนื่องในปีต่อๆ ไป “ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป บริษัทฯ ได้ปรับแม่พิมพ์ชิ้นส่วนรถยนต์จากค่ายเกาหลีเพิ่มมากขึ้น มูลค่า 40 ล้านบาท จากงบลงทุนที่ตั้งไว้ 150 ล้านบาท โดยจะสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากเกาหลีเป็นประเทศที่ผลิตรถยนต์เป็นอันดับ 5 ของโลก มียอดผลิตประมาณ 5 ล้านคันในปีที่แล้ว โดยตลาดส่งออกที่สำคัญของ FPI จะอยู่ที่โซนตะวันออกกลาง แอฟริกา และละตินอเมริกา ซึ่งมีสัดส่วนถึงร้อยละ 82 โดยบริษัทฯ จะเน้นลงทุนในรุ่นต่างๆ ของ Hyundai Daewoo และ KIA ซึ่งไตรมาส 2 ได้ลงทุนแม่พิมพ์รถยนต์จากค่ายอเมริกัน ที่ใช้ในตลาดตะวันออกกลางไปแล้ว 5 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับผลดีจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ช่วงนี้ ค่าเงินบาทได้อ่อนค่าลงพอสมควร ทำให้ผู้ส่งออกได้ประโยชน์ค่อนข้างมาก ซึ่งจะทำให้สามารถรับรู้รายได้ในรูปเงินบาทมากขึ้น ” นายสมพล กล่าวต่อว่า นอกเหนือการลงทุนในส่วนต่างๆ แล้ว บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าและโมเดลใหม่ๆ เพื่อรองรับกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยจะมีการลงทุนในแม่พิมพ์เพิ่มขึ้นอีก 100 ล้านบาท จากที่ลงทุนไปแล้ว 50 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรก แบ่งเป็นแม่พิมพ์เกาหลีประมาณ 40 ล้านบาท แม่พิมพ์ญี่ปุ่น 40 ล้านบาท และแม่พิมพ์สำหรับอุปกรณ์ตกแต่งอีก 20 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทำให้ยอดขายและกำไรในปีนี้เติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 โดยบริษัทฯ มีจุดเด่นที่กระบวนการผลิตด้านพลาสติกที่ครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบแม่พิมพ์ ขึ้นรูปแม่พิมพ์ กระบวนการฉีดพลาสติก ชุบพลาสติก พ่นสี 2 K และการประกอบ ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยยังมีบริษัทที่มีกระบวนการผลิตครบค่อนข้างน้อย รวมถึงกระบวนการชุบ LINE AUTOMATIC 2 LINE จากเยอรมนีและญี่ปุ่น ซึ่งการชุบ NICKLE ได้ถึง 4 ชั้น และความหนาถึง 48 MICRON ทำให้บริษัทฯ สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเทียบเท่าบริษัทผู้ผลิต (OEM) และราคาที่แข่งขันได้ “รายได้หลักของ FPI จะเน้นส่งออกตลาดต่างประเทศ ซึ่งช่วง 6 เดือนแรกปีนี้มีสัดส่วนถึงร้อยละ 87.70 และในประเทศอีกร้อยละ 12.30 โดยชิ้นส่วนยานยนต์มียอดขายครึ่งปีแรก 839.58 ล้านบาท เป็นผลจากการลงทุนในแม่พิมพ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะตลาด AEC และรถยนต์จากค่ายเกาหลีเพิ่มขึ้น ทำให้เจาะตลาดใหม่ๆ ได้มากขึ้น และขยายสายการผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้ากลุ่มเดิมที่มีอยู่แล้ว” นายสมพล กล่าวในที่สุด สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 2/2556 บริษัทฯ มีรายได้รวม 442.60 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 47.04 ล้านบาท งวด 6 เดือนมีรายได้รวม 839.55 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 88.13 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ