กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--บลจ.กสิกรไทย
บลจ.กสิกรไทย โชว์ผลงานเด่น บริหารกองทุนเปิด เค ไชน่า อิควิตี้ ทริกเกอร์ 1 ดันผลตอบแทนเข้าเป้า 8% โดยใช้เวลาเพียง 3 เดือน เผยเชื่อมั่นการลงทุนในตลาดจีนระยะยาว เตรียมส่งกองทริกเกอร์จีนกอง 2 เอาใจลูกค้าต่อเนื่อง
นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า หลังจากที่ บลจ.กสิกรไทย ได้เสนอขายกองทุนเปิดเค ไชน่า อิควิตี้ ทริกเกอร์ 1 (KCET1) ไปเมื่อวันที่ 3-5 มิถุนายน 2556 โดยกองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนในกองทุน iShares FTSE A50 China Index ETF ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดฮ่องกง และ มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนี FTSE China A 50 ที่ประกอบไปด้วยหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นจำนวน 50 หุ้นที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดและมีสภาพคล่องสูงที่สุด โดยตั้งเป้าหมายในการรับผลตอบแทนไว้ที่ 8% ในปีแรกนั้น
ณ วันที่ 10 กันยายน 2556 กองทุนเปิดเค ไชน่า อิควิตี้ ทริกเกอร์ 1 สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ 8% โดย NAV ของกองทุนดังกล่าว ปิดที่ 10.9097 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขในการเลิกกองทุนก่อนกำหนด บลจ. กสิกรไทยจึงจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในวันที่ 13 กันยายน 2556 และชำระเงินค่าขายคืนให้กับผู้ลงทุนในราคาไม่ต่ำกว่า 10.80 บาทต่อหน่วย ในวันที่ 18 กันยายน 2556 ซึ่งถือเป็นการทุบสถิติการบริหารกองทุนหุ้นจีนให้ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมายโดยใช้เวลาสั้นที่สุด โดย บลจ.กสิกรไทยใช้เวลาบริหารเพียง 3 เดือน ก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้ 8% ตามเป้าหมายเนื่องจากมีการจับจังหวะการซื้อและขายทำกำไรที่เหมาะสม ในขณะที่ดัชนี FTSE China A50 ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงของกองทุนมีผลการดำเนินงานติดลบถึง -2.47% ในช่วงเดียวกัน หรือเอาชนะดัชนีได้กว่า 10%
“บลจ.กสิกรไทย เชื่อว่าเศรษฐกิจจีนยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงต้นปี ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนจะมีการชะลอตัวลงบ้าง สืบเนื่องมาจากปัญหาสภาพคล่องทางการเงินที่ตึงตัวในตลาดเงินของจีน และความกังวลในเรื่องการปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ QE แต่ ณ ขณะนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจจีนเริ่มส่งสัญญาณเชิงบวกมากขึ้น โดยตัวเลขดัชนีภาคการผลิต PMI จากทั้งทางการ และธนาคาร HSBC ได้มีการบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนเริ่มกลับมาขยายตัวอีกครั้ง นอกจากนี้ การที่เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ของจีน อาทิ สหรัฐอเมริกา และยุโรป เริ่มส่งสัญญาณเชิงบวก นับว่าเป็นปัจจัยเสริมที่ผลักดันให้ตัวเลขการส่งออกของจีนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ตลาดเริ่มคลายความกังวลในการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน”นายนาวินกล่าว
นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า บลจ.กสิกรไทย เชื่อมั่นในตลาดหุ้นจีน A-Share ว่ายังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกประมาณ 22% ภายในสิ้นปีนี้ และเชื่อว่าในระยะยาว เศรษฐกิจจีนภายใต้การนำของรัฐบาลชุดใหม่ จะสามารถเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ และน่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นจีนได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับนักลงทุนที่มีเป้าหมายการลงทุนในระยะเวลาที่กำหนดและไม่มีเวลามาติดตามตลาด สามารถรับความผันผวนของตลาดหุ้นจีนได้และเชื่อมั่นในการจัดการของผู้จัดการกองทุน ยังมีโอกาสที่จะได้ลงทุนกับกองทุนเปิดเค ไชน่า อิควิตี้ ทริกเกอร์ กองทุนที่ 2 ที่ บลจ.กสิกรไทย จะเสนอขายในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ลงทุนที่ชอบอิสรภาพในการลงทุน แต่ไม่อยากพลาดการลงทุนกับตลาดหุ้นจีนในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น ก็สามารถเลือกลงทุนกับกองทุน K-CHINA ที่ลงทุนในกองทุนหลัก Fidelity China Focus Fund โดย K-CHINA ถือเป็นกองทุนหุ้นจีนที่มีมูลค่ากองทุนสูงที่สุดในประเทศไทย หรือสูงกว่า 4,000 ล้านบาท และมีผลการดำเนินงานย้อนหลังในช่วง 1 ปีที่ผ่านมามากกว่า 17 % นายนาวินกล่าวในที่สุด