กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสกรณ์
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาไข่ไก่ที่เพิ่มสูงขึ้นขณะนี้ถือว่าเป็นไปตามกลไกตลาด เนื่องจากก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่มีการปลดแม่ไก่ยืนกรงเพื่อลดปริมาณไข่ในตลาดซึ่งส่งผลให้ปริมาณไข่ไก่ลดลง 10% หรือคิดเป็นปริมาณ 1 ล้านฟอง ประกอบกับสภาพอากาศที่มีฝนตกต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงปัจจุบันก็ทำให้มีการออกไข่น้อยลง เฉลี่ยแล้วมีปริมาณไข่ไก่ลดลงประมาณ 3 ล้านฟอง จึงทำให้ราคาไข่ไก่ในช่วงนี้สูงขึ้น โดยราคาไข่คละหน้าฟาร์มอยู่ที่ 3.50บาท/ฟอง แต่เมื่อมาพิจารณาต้นทุนการผลิตของเกษตรกรซึ่งอยู่ที่ 2.89 บาท/ฟอง คิดเป็นกำไรเฉลี่ย ที่เกษตรกรได้รับประมาณ 20 % ก็ยังเป็นราคาที่อยู่ในเกณฑ์ที่คณะกรรมการไก่ไข่และผลิตภัณฑ์กำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม ราคาไข่ไก่ที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าว จากการหารือกับกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่พบว่า ราคาไข่ไก่จะอยู่ระดับนี้ไปอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ก่อนที่จะเข้าสู่เทศกาลกินเจ และการปิดภาคเรียน ก็จะทำให้ราคาไข่ไก่เริ่มจะชะลอตัวลดลง สำหรับการประชุมคณะกรรมการไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17 กันยายนนี้ ก็จะมีการประชุมสถานการณ์การผลิตไข่ไก่ ราคาต้นทุนการผลิตของเกษตรกร และแนวโน้มราคาไข่ไก่ว่าจะไปในทิศทางใด ส่วนกรณีที่จะให้มีการชะลอการส่งออกนั้นเมื่อพิจารณาจากจำนวนแม่ไก่ยืนกรง และตัวเลขการส่งออก ขณะนี้ไม่ได้มีข้อมูลความผิดปกติที่มีนัยยะสำคัญแต่อย่างใด และไม่น่าจะเป็นแนวทางที่จะต้องดำเนินการในขณะนี้ เนื่องจากจะกระทบกับผู้ซื้อที่มีคำสั่งซื้อไว้แล้ว ขณะเดียวกัน ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและตลาดการส่งออกในระยะยาวได้
ด้านนายทฤษดี ชาวสวนเจริญ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ราคาไข่ไก่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงสาร์ทจีนเป็นต้นมาโดยราคาไข่คละหน้าฟาร์มจาก 3.30 บาท/ฟอง เป็น 3.50 บาท/ฟอง ซึ่งแนวโน้มราคาที่เพิ่มขึ้นนี้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่ที่ผ่านมาเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ต้องปรับตัวเพื่อลดการขาดทุน โดยการปลดแม่ไก่ยืนกรงไม่ให้ขาดทุนมาก ดังนั้น ในช่วงนี้ที่ราคาไข่ไก่ที่เพิ่มสูงขึ้นก็ไม่ได้มีความผิดปกติแต่อย่างใด แต่เป็นไปตามกลไกตลาดที่ราคาสินค้าอย่างอื่นมีราคาแพงขึ้น ความต้องการไข่ไก่จึงเพิ่มสูงขึ้น