ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ไม่มีประกัน “บ. เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย” ที่ระดับ "BBB" และ "BBB-" จัดอันดับหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทที่ระดับ "BBB-" และคงแนวโน้ม “Stable”

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 12, 2013 17:56 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--ทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัทที่ระดับ “BBB-” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ของบริษัทในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทที่ระดับ “BBB-” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ลงทุนตามแผนของบริษัท อันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาว (Power Purchase Agreement — PPA) ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer — SPP) ที่มีกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับกลุ่มบริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดบางส่วนจากโครงสร้างเงินทุนที่อ่อนแอลง ความต้องการใช้เงินลงทุนจำนวนมากเพื่อขยายธุรกิจ รวมถึงการทำรายการระหว่างบริษัทในกลุ่ม นอกจากนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวยังมีข้อจำกัดจากสถานะอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “BBB” ของบริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทในสัดส่วน 36.2% ณ เดือนสิงหาคม 2556 ด้วย ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งยังคาดว่าสถานะทางการเงินของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากการลงทุนในโครงการใหม่ทยอยให้ผลตอบแทนเต็มที่ บริษัทเนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายเป็นผู้นำในธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงชีวมวลในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา บริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) และบริษัทได้ทำการปรับโครงสร้างภายในกลุ่ม หลังการปรับโครงสร้างแล้ว บริษัทถือเป็นบริษัทหลักในธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่มดั๊บเบิ้ล เอ ปัจจุบันบริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินงานโรงไฟฟ้าถ่านหินและชีวมวลรวม 9 โรง ภายใต้โครงการ SPP ด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 493 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำ 1,180 ตัน โรงไฟฟ้าของบริษัทตั้งอยู่ในจังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา นอกจากธุรกิจไฟฟ้าแล้ว บริษัทยังลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน รวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติ และโลจิสติกส์ด้วย โดยบริษัทได้ลงทุนใน บริษัท อี 85 จำกัด (เดิมชื่อดั๊บเบิ้ล เอ เอทานอล) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังด้วยกำลังการผลิต 500,000 ลิตรต่อวัน บริษัทยังได้ลงทุนในเรือขนส่งถ่านหินทางทะเล ธุรกิจทุ่นขนถ่ายสินค้ากลางทะเล และขยายการลงทุนไปสู่การจำหน่ายน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรม 304 ธุรกิจผลิตน้ำมันรำข้าว รวมทั้งธุรกิจวิจัยและพัฒนา อีกทั้งยังได้ลงทุนซื้อสิทธิในการทำเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียมูลค่า 396 ล้านบาทด้วย ในปี 2555 ธุรกิจไฟฟ้ายังเป็นแหล่งรายได้และแหล่งกำไรหลักของบริษัท โดยประมาณ 95% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มาจากธุรกิจไฟฟ้า ในขณะที่ 5% มาจากธุรกิจอื่น บริษัทมีสัญญา PPA อายุ 25 ปีกับ กฟผ. คิดเป็นสัดส่วน 62% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของบริษัท บริษัทจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำส่วนที่เหลือภายใต้สัญญาระยะยาวให้แก่กลุ่มดั๊บเบิ้ล เอ และจำหน่ายให้แก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทราด้วย โรงไฟฟ้าของบริษัทได้รับการออกแบบให้ใช้เชื้อเพลิงถ่านหินและชีวมวล แม้การใช้เชื้อเพลิงชีวมวลจะมีความได้เปรียบด้านต้นทุนและมีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้เชื้อเพลิง แต่โรงไฟฟ้าชีวมวลก็ต้องการการบำรุงรักษามากกว่าและมีความเสี่ยงจากการสึกหรอของเครื่องจักรอุปกรณ์ในอัตราที่สูงกว่าโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินหรือก๊าซเป็นเชื้อเพลิง การดำเนินงานธุรกิจไฟฟ้าปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 หลังการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ในปี 2555 ระดับความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าในปี 2555 ลดลงเหลือเพียง 82.3% จาก 86%-87% ระหว่างปี 2553-2554 เนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงใหญ่เพื่อปรับปรุง Secondary Air System เพื่อแก้ปัญหาการสึกกร่อนของท่อไอน้ำและปรับให้หม้อไอน้ำสามารถรองรับการใช้ถ่านหินค่าความร้อนต่ำได้เพื่อลดต้นทุนเชื้อเพลิง การดำเนินงานโดยเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าทั้ง 9 โรงปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 แม้ว่าจะมีการปิดซ่อมบำรุงใหญ่โรงไฟฟ้าหน่วยใหญ่อีก 1 หน่วยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 ก็ตาม โดยระดับความพร้อมจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 85.9% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 ในขณะที่อัตราการหยุดซ่อมฉุกเฉินเฉลี่ยปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.8% เมื่อทียบกับ 3.8%-5.3% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ติดตั้งอุปกรณ์ใหม่และวางระบบการจัดเก็บและจัดเตรียมเชื้อเพลิงใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเชื้อเพลิง ทำให้อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงปรับตัวดีขึ้นเป็น 12,386บีทียูต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (KWh) จากระดับ 12,827-13,104 บีทียูต่อ KWh ในปี 2553-2555 ซึ่งสะท้อนถึงการใช้เชื้อเพลิงที่น้อยลงในการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทและกำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นในปี 2555 และครึ่งแรกของปี 2556 บริษัทรายงานกำไรสุทธิจำนวน 1,253 ล้านบาทในปี 2555 เพิ่มขึ้นจาก 606 ล้านบาทซึ่งเป็นระดับต่ำกว่าปกติในปี 2554 กำไรสุทธิยังคงเพิ่มขึ้นเป็น 837 ล้านบาทในครึ่งแรกของปี 2556 หรือเพิ่มขึ้น 138% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายปรับตัวดีขึ้นเป็น 27.6% ในปี 2555 และ 32.0% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 จาก 23.0% ในปี 2554 อัตรากำไรที่ดีขึ้นเป็นผลจากราคาขายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. ที่เพิ่มขึ้นในขณะที่ต้นทุนเชื้อเพลิงถ่านหินลดลงในปี 2555 และ 6 เดือนแรกของปี 2556 โดยดัชนีถ่านหินอ้างอิง JPU (Japanese Power Utility Index) ลดลงจาก 130 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปี 2554 เป็น 112 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปี 2555 และ 95 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปัจจุบัน นอกจากนี้ บริษัทยังได้ใช้ถ่านหินที่มีค่าความร้อนต่ำกว่ามาทดแทนถ่านหินที่มีค่าความร้อนสูงบางส่วน รวมถึงใช้เชื้อเพลิงชีวมวลอื่นที่มีราคาต่ำกว่ามากขึ้นเพื่อลดต้นทุนเชื้อเพลิง EBITDA ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 33% เป็น 3,393 ล้านบาทในปี 2555 และเพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 2,062 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 ความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้นทำให้อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 5.0 เท่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 จาก 3.7 เท่าในปี 2554 อย่างไรก็ตาม โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลง โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 60.2% ในปี 2555 และ 59.7% ในเดือนมิถุนายน 2556 จาก 51.9% ในปี 2554 เงินกู้รวมปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 15,318 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 จาก 11,967 ล้านบาทในปี 2554 เนื่องจากการลงทุนของโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและการลงทุนใหม่ ๆ ระหว่างปี นอกจากนี้ บริษัทยังได้จ่ายเงินปันผลจำนวน 2,800 ล้านบาทในปี 2555 อีกด้วย ทางด้านรายการระหว่างบริษัทที่เกี่ยวข้องนั้น ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 บริษัทยังมีเงินมัดจำสำหรับซื้อที่ดินกับบริษัทที่เกี่ยวข้องจำนวน 1,615 ล้านบาท ซึ่งลดลงจาก 2,422 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2554 คาดว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับที่ดีในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 เนื่องจากต้นทุนถ่านหินและเชื้อเพลิงชีวมวลส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ คณะกรรมการกำกับกิจการไฟฟ้ายังได้ประกาศปรับเพิ่มค่าเอฟที (Ft) จำนวน 7.08 สตางค์ต่อ KWh สำหรับค่าไฟฟ้างวดเดือนกันยายน 2556 ถึงเดือนธันวาคม 2556 ด้วย ธุรกิจเอทานอลที่ผลิตจากมันสำปะหลังมีแนวโน้มดีขึ้นหลังจากมีนโยบายภาครัฐมาสนับสนุน โดยคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติช่วยเหลือผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังโดยกำหนดให้ผู้ขายแก๊สโซฮอลล์ซื้อเอทานอลที่ผลิตจากมันสำปะหลังในสัดส่วน 38% จากปริมาณการซื้อแก๊สโซฮอลล์ทั้งหมดและซื้อเอทานอลจากกากน้ำตาลในสัดส่วน 62% ในขณะที่ความต้องการแก๊สโซฮอลล์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดโดยเพิ่มขึ้นเป็น 2.6 ล้านลิตรต่อวันในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 หรือเพิ่มขึ้นถึง 86% เมื่อเทียบกับระดับเฉลี่ย 1.4 ล้านลิตรต่อวันในปี 2555 อัตราส่วนหนี้เงินกู้ต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากการประกาศจ่ายเงินปันผลอีกจำนวน 2,105 ล้านบาทในเดือนกรกฎาคม 2556 และแผนการลงทุนจำนวน 35,000 ล้านบาทในช่วงปี 2556-2558 โดยแผนการลงทุนประกอบด้วย การก่อสร้างโรงไฟฟ้าภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (Independent Power Producer - IPP) ซึ่งใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงจำนวน 1 แห่ง โรงไฟฟ้า SPP ซึ่งใช้เชื้อเพลิงชีวมวล 2 แห่ง และอีก 1 สายการผลิตของโรงงานเอทานอล โรงไฟฟ้า SPP จะเปิดดำเนินการในปี 2557-2558 ส่วนโรงไฟฟ้า IPP อยู่ระหว่างการดำเนินการขออนุมัติรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) โดยคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จในช่วงปี 2559-2560 ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะพัฒนาโครงการทั้งหมดโดยไม่ทำให้สถานะทางการเงินอ่อนแอลง บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลายจำกัด (มหาชน) (NPS) อันดับเครดิตองค์กร: BBB อันดับเครดิตตราสารหนี้: NPS145A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 BBB- NPS156A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 BBB- หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2559 BBB- แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ