MEDICAL FAIR THAILAND 2013 เปิดงานแล้ววันนี้

ข่าวทั่วไป Friday September 13, 2013 16:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ก.ย.--โปร มีเดีย พีอาร์ งานแสดงสินค้าด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีผู้ร่วมแสดงสินค้ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์เกินคาด และคาดผู้เข้าชมงานเพิ่มมากขึ้น พร้อมไฮไลท์การประชุม ARTeC จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย งาน MEDICAL FAIR THAILAND เปิดงานอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานแสดงนานาชาติที่ยิ่งใหญ่เพื่อตอบสนองความต้องการทางการแพทย์และสุขภาพที่มีมากขึ้น ประกอบกับการเติบโตที่มีการขยายตัวและตอบรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของภูมิภาคเอเชียตะวันออกฉียงใต้ ดังนั้นการจัดงาน MEDICAL FAIR THAILAND 2013 ถือว่าจัดได้ยิ่งใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบจากการจัดงานตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อปี 2546 และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานจากทั้งในและนานาประเทศในวงการแพทย์และสุขภาพและในสายอาชีพนี้กว่า 6,000 คน ตลอด 3 วัน ในระหว่างวันที่ 12-14 กันยายน นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริหารหรือผู้เกี่ยวข้องในวงการแพทย์และสุขภาพ ได้สัมผัสความล้ำหน้าและก้าวหน้าทางการแพทย์และสุขภาพจากทั่วโลกกว่า 400 รายจาก 30 ประเทศทั่วโลก งานแสดงสินค้านานาชาติที่ยิ่งใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ได้จัดขึ้นที่ประเทศไทยเพื่อสนับสนุนประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) และสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี พ.ศ. 2558 บริษัทเมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย บริษัทจัดงานแสดงสินค้าชั้นนำของโลก และผู้สนับสนุนงาน สมาคมโรงพยาบาลเอกชน สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ไทย สมาคมเวชศาสตร์ฟื้นฟูแห่งประเทศไทย และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ในปีนี้มีพาวิลเลียนนานาชาติจาก 12 ประเทศเข้าร่วม อาทิ ออสเตรีย เบลเยี่ยม จีน ฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน อังกฤษและไทย ซึ่งนับว่ามากที่สุดจากการจัดงานดังกล่าวนี้มาโดยตลอด ซึ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของงานแสดงสินค้านี้ที่มีต่อวงการแพทย์ และสุขภาพในภูมิภาคนี้ งาน MEDICAL FAIR THAILAND 2013 หรือ งานแสดงสินค้านานาชาติด้านโรงพยาบาล การวินิจฉัยโรค เภสัชกรรม การแพทย์ และเวชศาสตร์ฟื้นฟู เครื่องมือและอุปกรณ์ทาง การแพทย์ ครั้งที่ 6 โดยได้รับเกียรติจาก นายแพทย์อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 มาเป็นประธานเปิดงาน กล่าวว่า “งาน MEDICAL FAIR THAILAND ได้จัดขึ้นที่ประเทศไทยในครั้งนี้ นับว่ามีความสำคัญยิ่งเพื่อความก้าวหน้าและพัฒนาวงการแพทย์ และสุขภาพของประเทศให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และเพื่อส่งเสริมการที่ประเทศไทยมุ่งสู่ความศูนย์กลางในการพัฒนาด้านการแพทย์และสุขภาพ “Medical Hub” และเปิดโอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้วิทยาการทางการแพทย์ระดับโลกและระดับภูมิภาค อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการก้าวเข้าสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ใน ปี พ.ศ. 2558 ให้กับผู้ประกอบการไทยและบุคคลในสายอาชีพนี้อีกด้วย” “Medical Hub หรือศูนย์กลางในการพัฒนาด้านการแพทย์และสุขภาพ เป็นหนึ่งในนโยบายของภาครัฐที่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยคาดหวังว่าจะเป็นทางหนึ่งในการนำรายได้เข้าประเทศเพิ่มเติมนอกเหนือจากการท่องเที่ยว เนื่องจากประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่มีศักยภาพด้านการแพทย์ทั้งระบบ อาทิเช่น มีความเป็นเลิศทางการแพทย์ มีความเชี่ยวชาญของแพทย์ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ความทันสมัยในการใช้นวัตกรรมทางการแพทย์ และความเป็นเลิศด้านการบริการและการบริการสุขภาพ เป็นต้น” นายแพทย์อนันต์ กล่าวเสริมว่า “ปัจจุบันประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมากที่สุดในโลก (Medical Tourism) มีจำนวนคนไข้ที่เข้าประเทศปีละ 1.5 ล้านรายจากทั่วโลก รายได้เข้าประเทศประมาณ 41,000 ล้านบาทต่อปี โดยยุทธศาสตร์ของประเทศไทยที่สำคัญคือ การพัฒนาขีดความสามารถของประเทศ ทั้งการเติมเต็มพื้นฐานของสุขภาพ ยกระดับระบบประกันสุขภาพ แพทย์ฉุกเฉิน การดูแลสุขภาพในเชิงท่องเที่ยว และสุดท้ายคือการพัฒนาความเป็นเลิศทางด้านศูนย์กลางบริการสาธารณสุข” “และเมื่อเข้าสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี พ.ศ. 2558 จะเป็นโอกาสให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพของไทยได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดขนาดใหญ่ที่มีประชากรกว่า 600 ล้านคน โดยเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ได้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว รวมถึงประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคม สามารถเดินทางมาได้สะดวก กลุ่มลูกค้าจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม น่าจะเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น” นายแพทย์อนันต์ กล่าวสรุป มร. เกอร์นอท ริงลิง กรรมการผู้จัดการ บริษัทเมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย กล่าวให้ความเห็นเกี่ยวกับศักยภาพของผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าจากต่างประเทศซึ่งมีมากถึงร้อยละ 90 ของผู้เข้าร่วมงานทั้งหมดว่า “งาน MEDICAL FAIR THAILAND 2013 จัดขึ้นในเวลาที่เหมาะสมเมื่อวงการแพทย์และสุขภาพได้รับการจัดอยู่ในลำดับต้นๆ ที่จะต้องมีการบูรณาการทั่วทั้งภูมิภาค โดยพิสูจน์ได้จากพื้นที่แสดงสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นร้อยละ 30 โดยมีผู้แสดงสินค้าจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยุโรป และเอเชียเหนือ ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงและสร้างเครือข่ายให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และสุขภาพจากประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยเป็นเวทีนำเสนอความล้ำหน้าทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ และมีความสำคัญเพื่อความเจริญก้าวหน้าในระดับภูมิภาคนี้” อีกทั้งได้มีจำนวนผู้ร่วมแสดงในงานครั้งนี้ที่เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 75 ของทั้งหมด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการทางด้านอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุและการแพทย์ฉุกเฉิน อุปกรณ์วินิจฉัยโรค อุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์ทางการแพทย์ เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ประเภทใช้เพียงครั้งเดียว โดยจะนำเสนอนวัตกรรมใหม่ล่าสุด การบริการและโซลูชั่นเพื่อช่วยลดต้นทุน พร้อมการสาธิตและจัดกิจกรรมในระหว่างงาน งาน Medical Fair Thailand 2013 ครั้งนี้ จะจัดแสดงอุปกรณ์การแพทย์สำหรับการใช้ที่หลากหลาย เช่นอุบัติเหตุ และงานฉุกเฉิน การวินิจฉัยโรค การฟื้นฟูร่างกายภายในห้องแลป อุปกรณ์ด้านจักษุแพทย์ เภสัชกรรม ศัลยกรรมกระดูก ยา พร้อมทั้งอุปกรณ์การสื่อสารสนเทศ โดยมีผู้ร่วมแสดงสินค้ากว่า 400 บริษัท ชั้นนำจากทั่วโลก โดยมีพาวิลเลียนนานาชาติจาก 12 ประเทศ อาทิ ออสเตรีย เบลเยี่ยม จีน ฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน อังกฤษและไทย เป็นต้น ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่จัดงานมา ตอกย้ำถึงความสำคัญของงานแสดงสินค้านี้ที่มีต่ออุตสาหกรรมการแพทย์และการดูแลสุขภาพในภูมิภาคนี้ สำหรับในปีนี้ ประเทศฝรั่งเศส เข้าร่วมงานในลักษณะเป็นพาวิลเลียนเป็นครั้งแรก มาพร้อมกับ 7 บริษัทชั้นนำ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ เทคโนโลยีและการบริการ โดยได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการการค้า สถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ไทย สมาพันธ์อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์อาเซียน เป้าหมายหลัก ต้องการหาคู่ค้าคนไทย ช่วยขยายตลาดในประเทศไทย รวมทั้งต้องการแนะนำสินค้าและนวัตกรรมล่าสุดสู่ตลาด ซึ่งพร้อมแสดงที่บูธ S21 เพื่อนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์อันเป็นผลจากการ ค้นคว้าและวิจัยล่าสุด และร่วมเจรจาธุรกิจกับบริษัทผู้ประกอบการของไทย โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเปิดตลาดในประเทศไทย เพื่อหากผู้ที่สนใจจะเป็นตัวแทนนำเข้าหรือจัดจำหน่ายสินค้ารวมไปถึงความร่วมมือในด้านอื่นๆ MEDICAL FAIR THAILAND ได้รับการวางตำแหน่งเป็นงานด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพระดับแนวหน้าในประเทศไทย นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า “MEDICAL FAIR THAILAND เป็นงานแสดงสินค้านานาชาติที่สามารถดึงกลุ่มเป้าหมายผู้เข้าชมงานที่มีคุณภาพจากทั้งในและนานาประเทศ และเปิดโอกาสเจรจาทางธุรกิจใหม่ๆให้กับ ผู้ประกอบการโรงพยาบาลและทางการแพทย์ และการดูแลสุขภาพ ตัวแทนผู้จำหน่ายในประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นเวทีเพื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดีทางการแพทย์” ในฐานะหน่วยงานภาครัฐอันมีพันธกิจในการสร้างความสามารถในการแข่งขันระยะยาวและสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศไทยให้สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในระดับนานาชาติ ทีเส็บได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติในฐานะอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมอื่นๆและเศรษฐกิจของประเทศ ทีเส็บจึงได้มุ่งมั่นให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี และเชื่อมั่นว่าในปี 2556 นี้ อุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติของไทยจะเติบโตถึงร้อยละ 15 — 20 และในปี 2558 อันเป็นจุดเริ่มต้นของเออีซีจะสามารถเติบโตได้ถึงร้อยละ 30 โดยจะมีจำนวนผู้เดินทางกลุ่มไมซ์ 545,000 คน นำรายได้เข้าสู่ประเทศ 1,550 ล้านบาท “ทีเส็บจึงได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติคุณภาพอย่าง Medical Fair Thailand 2013 เพราะเชื่อมั่นว่างานนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่จะนำพาให้เราไปสู่เป้าหมายของการเป็นศูนย์กลางการจัดงานแสดงสินค้าของเออีซี ทั้งนี้ ทีเส็บได้จัดแคมเปญทางการตลาดเพื่อส่งเสริมการตลาดในต่างประเทศและสร้างเครือข่ายกับกลุ่มอุตสาหกรรมในประเทศเป้าหมาย โดยให้สิทธิพิเศษกับผู้เข้าร่วมชมงาน อาทิ แคมเปญ 100 A-HEAD และ BE My Guest ซึ่งแคมเปญนี้ นับเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยดึงผู้เข้าชมงานที่มีคุณภาพจากต่างประเทศเข้ามาร่วมงานในประเทศไทย เรามีความมั่นใจครับ ว่าแคมเปญการสนับสนุนการจัดงานลักษณะนี้จะช่วยสร้างการเติบโตและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจใหม่ที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ โดยเฉพาะการจัดงาน Medical Fair Thailand 2013 ในประเทศไทยในปีนี้ คาดว่าจะสร้างรายให้กับประเทศเป็นจำนวนกว่า 100 ล้านบาท” นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย กล่าวสรุป นายแพทย์พงษ์พัฒน์ ปธานวนิช เลขาธิการสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กล่าวว่า “ปัจจุบันสมาคมฯ ดำเนินงานมาแล้วกว่า 34 ปี มีโรงพยาบาลสมาชิกรวมทั้งสิ้น 205 แห่ง โดยมีการจัดกิจกรรมให้กับสมาชิกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการจัดอบรมหลักสูตรบริหารโรงพยาบาล การจัดกิจกรรมผู้ซื้อพบผู้ผลิต ร่วมถึงการสนับสนุกการจัดงาน “MEDICAL FAIR THAILAND 2013” ครั้งนี้ด้วย” “พัฒนาการของโรงพยาบาลเอกชนที่ผ่านมา มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้มากขึ้น ทำให้สามารถตรวจวินิจฉัยคนไข้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ ดังนั้น การที่ประเทศไทยจะเป็น Medical Hub อีกแห่งหนึ่งของโลก จึงทำได้ไม่ยากนัก เนื่องจากโรงพยาบาลของไทยมีข้อได้เปรียบ 3 ประเด็นใหญ่ๆ คือ 1. ความสามารถในการรักษาของแพทย์ไทยที่ไม่เป็นสองรองใคร 2.ราคาไม่แพง หากเปรียบเทียบกับระดับมาตรฐานการรักษาเดียวกัน ไทยถือว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาสูงติดอันดับโลก ในขณะที่ราคาสามารถเทียบเคียงได้กับอินเดียเท่านั้น และ 3.เป็นเรื่องของการให้บริการ (Hospitality) ที่ดีของไทย ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ของไทยเป็นที่ชื่นชอบของต่างชาติมาก เรื่องยิ้มแย้มมิตรไมตรีต่างๆ เมื่อมีการให้คะแนน ไทยจึงเป็นที่หนึ่งมาตลอด” นายแพทย์เฉลิม กล่าวสรุป พล.ต. ผศ. นพ. ไกรวัชร ธีรเนตร ประธานราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมเวชศาสตร์ฟื้นฟูแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "การจัดประชุม Advanced Rehabilitation Technology Conference (หรือ ARTeC) 2013" ระหว่างวันที่ 12-13 กันยายน 2556 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ งาน Medical Fair Thailand ในครั้งนี้ จึงเป็นอีกพันธกิจหนึ่งที่ทางราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูแห่งประเทศไทยและสมาคมเวชศาสตร์ฟื้นฟูแห่งประเทศไทย ร่วมจัดขึ้นเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางด้าน Advance Rehabilitation Technology โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักประกอบด้วย แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู แพทย์ประจำบ้าน สาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟู, แพทย์สาขาอื่นที่สนใจ รวมถึงบุคลากรที่เกี่ยวข้องในงานด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู เช่น นักกายภาพบำบัด, นักกิจกรรมบำบัด, พยาบาลฟื้นฟู ฯลฯ โดยได้รับเกียรติอย่างสูงจาก ศ. มาธาร์ อิมามุรา (Professor Marta Imamura) ซึ่งเป็นประธานของ International Society of Physical and Rehabilitation Medicine (ISPRM) มาร่วมบรรยายพิเศษ และเป็นวิทยากรภายในงาน พร้อมด้วยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากประเทศเยอรมัน ไต้หวัน และประเทศไทย โดยไฮไลท์ของการสัมมนา ARTeC 2013 ครั้งนี้ประกอบไปด้วยการบรรยายและการประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับ แนวโน้มของงานเวชศาสตร์ฟื้นฟูสมัยใหม่ เทคโนโลยีขั้นสูงด้านการตรวจรักษาทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู เช่น segmental neuromyotherapy การอัลตร้าซาวน์กล้ามเนื้อและกระดูก การฟื้นฟูผู้ป่วยที่มีปัญหาการกลืนลำบากภายหลังโรคหลอดเลือดสมอง เทคโนโลยีการกระตุ้นสมอง และการใช้หุ่นยนต์ในการฟื้นฟูด้านระบบประสาท" เป็นต้น นายปรีชา พันธุ์ติเวช นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ไทย กล่าวว่า “ตามสถิติของกรมศุลกากร การนำเข้าเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ของไทยในปี 2554 เติบโตเพิ่มขึ้น 28% และมีมูลค่ารวม 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีการคาดการณ์ว่ามูลค่าการนำเข้าปี 2556 จะเพิ่มขึ้น 7.9% จากปี 2555 เป็น 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ปริมาณความต้องการของปีนี้น่าจะเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ผนวกกับการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ” นอกจากนี้ยังมีงานสัมมนาที่จัดขึ้นอีกงาน คือ การจัดประชุม Hospital Management Asia (HMA) 2013 ซึ่งเป็นงานใหญ่ระดับภูมิภาคที่จะจัดขึ้น 2 วันระหว่างวันที่ 12-13 กันยายน นี้ ซึ่งเป็นการนำเสนอ “How To” พร้อมทั้งหัวข้อที่น่าสนใจสำหรับผู้บริหารระดับสูง มีการบรรยายพร้อมการประชุมเชิงปฏิบัติการและการสาธิตเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดในการบริหารจัดการโรงพยาบาล คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมสัมมนาถึง 1,000 คน โดยผู้ร่วมการประชุมจะได้เรียนรู้และสร้างเครือข่ายกับผู้ปฏิบัติงานด้านนี้ระดับโลกที่มาร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึก ความสามารถและเกร็ดความรู้ในการปฏิบัติงาน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ