จากอาหารท้องถิ่นหลากหลาย สู่อาหารสไตล์ร่วมสมัยที่สิงคโปร์

ข่าวท่องเที่ยว Monday September 16, 2013 08:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ก.ย.--Verve เมื่อการเดินทางท่องเที่ยวเริ่มต้นขึ้นไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตาม คงจะดีไม่น้อยถ้าได้หาโอกาสลองเรียนรู้วิถีชีวิต ประเพณี ความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นเหล่านั้น อาหารการกินนับเป็นสิ่งหนึ่งที่สะท้อนความเป็นตัวตนและและวัฒนธรรมของผู้คนและสถานที่ๆเราได้ไปเยี่ยมเยือนได้เป็นอย่างดี การได้ลิ้มลองรสชาติอาหารประจำชาติหรืออาหารท้องถิ่นจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเห็นและสัมผัสการสืบทอดมรดกและคุณค่าของวัฒนธรรมจากคนรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่งมิให้สูญหายไปได้เป็นอย่างดี ทุกๆท่านที่มาเยือนประเทศสิงคโปร์สามารถเก็บเกี่ยวความประทับใจจากความหลากหลายทางวัฒนธรรมของเอเชียที่สามารถผสมผสานกับวัฒนธรรมแบบตะวันตกได้อย่างมีเสน่ห์กลมกลืน ซึ่งประเทศสิงคโปร์ได้นำเสนอแนวคิดดังกล่าวนี้สู่สายตาผู้คนทั่วโลกผ่านทางอาหารและเครื่องดื่มอันเป็นเอกลักษณ์ อาหารของประเทศสิงคโปร์เป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลมาจากอาหารท้องถิ่นอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นมาเลย์ จีน อินเดียน เปรานากาน หรือชาวจีนที่อาศัยอยู่บริเวณช่องแคบยะโฮร์ ซึ่งเป็นผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากชาวจีนอพยพที่ได้สร้างครอบครัวกับชาวมาเลย์ในท้องถิ่นรวมถึงอิทธิพลของอาหารแบบตะวันตก ทั้งจากชาวอังกฤษ ชาวโปรตุกีส และชนชาติกลุ่มยูเรเซียนต่างๆ ซึ่งชาวสิงคโปร์ท้องถิ่นได้ซึมซับวัฒนธรรมเหล่านี้มาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่19เมื่อนักเดินเรือชาวอังกฤษเดินทางมายังเกาะสิงคโปร์เป็นครั้งแรก ด้วยเหตุนี้ จึงไม่น่าแปลกใจนัก หากท่านจะได้ชิมรสอาหารที่มีกลิ่นอายของเครื่องยาจีนในเมนูอาหารอินเดียจานเด็ด ยิ่งไปกว่านี้ ท่านสามารถลองชิมอาหารท้องถื่นต่างๆที่มีส่วนผสมของวัตถุดิบทั้งแบบจีนหรือแบบมาเลย์ได้ที่ศูนย์อาหารมากมายทั่วประเทศสิงคโปร์ที่ขึ้นชื่อติดปากชาวสิงคโปร์และนักท่องเที่ยวทั่วโลก อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังสิงคโปร์จะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง รูปแบบและแนวคิดที่สร้างสรรค์ของอาหารจากเดิมที่เน้นเพียงอาหารขึ้นชื่อของท้องถิ่นหรืออาหารตามถนนหนทางต่างๆทั่วไปที่มีราคาย่อมเยา มาสู่ร้านอาหารจากเซเลปบริตี้เชฟที่มีชื่อเสียงจากทั่วทุกมุมโลกรวมไปถึงร้านอาหารร่วมสมัยที่นำเสนอเมนูอาหารแนวใหม่ที่แตกต่างออกไปจากเมนูอาหารแบบดั้งเดิมของประเทศสิงคโปร์ เราจะพาท่านไปรู้จักกับอาหารท้องถิ่นของชาวสิงคโปร์ ไปจนถึงร้านอาหารแนวใหม่สไตล์กึ่งโมเดิร์นของประเทศนี้ เตรียมตัวเก็บกระเป๋าพร้อยตะลุยชิมอาหารในการไปเที่ยวสิงคโปร์ครั้งต่อไปของคุณได้เลย อาหารท้องถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์ เริ่มจากอาหารประจำชาติของสิงคโปร์ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยนึกถึงเป็นอย่างแรกย่อมหนีไม่พ้นข้าวมันไก่ไหหนาน(Hainanese Chicken Rice)อันเป็นอาหารที่มีชื่อเสียงทั้งจากการบอกกล่าวแบบปากต่อปากหรือจากรสชาติของเนื้อไก่ที่ชุ่มฉ่ำอันเกิดจากการต้มกับน้ำสต็อกสูตรพิเศษ ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ข้าวมันไก่ไหหนาน เป็นอาหารที่นักท่องเที่ยวทุกท่านต้องลองรับประทานเมื่อมาเยือนประเทศสิงคโปร์ นักท่องเที่ยวทุกท่านสามารถรับประทานข้าวมันไก่ไหหนานนี้ได้ทุกๆย่านในประเทศสิงคโปร์ โดยร้านข้าวมันไก่ไหหนานที่มีชื่อเสียงได้แก่ร้านเทียน เทียน (TianTian) ที่ศูนย์อาหารแมกซ์เวลล์ (Maxwell Food Center) ร้านไฟว์สตาร์ชิกเก้นไรซ์ (Five Star Chicken Rice)ที่ถนนอีสต์โคสต์หรือร้านวี นำ กี (Wee Nam Kee) ที่ถนนทอมป์สัน หากท่านเป็นชาวไทยเชื้อสายจีน ท่านคงจะคุ้นเคยกับ”ผัดหมี่” หรือบะหมี่เหลืองผัดในกระทะเป็นอย่างดี ซึ่งท่านสามารถรับประทานอาหารสิงคโปร์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันคือชาร์ก๋วยเตี๋ยว(Char KwayTeow) โดยอาหารจานนี้คือบะหมี่เส้นแบนที่ผัดรวมกับซอสถั่วเหลืองที่มีรสหวาน พริก ไข่ ถั่วงอก หอย กุนเชียง กุ้งและลูกชิ้นปลา อาหารจานนี้เป็นอาหารท้องถิ่นของสิงคโปร์อย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นอาหารที่พ่อครัวสามารถปรุงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว จึงเป็นอาหารมื้อเที่ยงจานด่วนที่ยอดฮิต สำหรับท่านที่อยากชิมอาหารจานนี้ ขอแนะนำให้มาที่ศูนย์อาหารมากันสุตรา กลัตตัน เบย์ (Makansutra Gluttons Bay) และสั่งบะหมี่ชามนี้จากบรรดาร้านอาหารรถเข็นคลาสสิกที่มีอยู่ทั่วไป หากท่านมารับประทานอาหารที่นี่ ท่านสามารถเอร็ดอร่อยกับบะหมี่และชมวิวบรรยากาศยากาศริมอ่าวมาริน่า พร้อมกับชมการแสดงที่จัดขึ้นเป็นประจำโดยศูนย์ศิลปะเอสพลานาด เธียร์เตอร์ออนเดอะเบย์ (arts centre Esplanade — Theatres on the Bay)ที่อยู่ติดกันได้อีกด้วย อาหารท้องถิ่นของสิงคโปร์อีกจานหนึ่งที่ทุกท่านไม่ควรพลาดคือปูผัดผงกะหรี่หรือChilli Crabหากท่านไม่เคยชิมอาหารจานนี้มาก่อน เตรียมตัวรับประสบการณ์ความอร่อยที่เกินคำบรรยายได้เลยเมื่ออาหารจานนี้เสิร์ฟถึงท่านบนโต๊ะ ปูผัดผงกะหรี่จานนี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวของเนื้อปูที่มีรสหวาน ไข่ที่ฟูนุ่ม มะเขือเทศและผงกะหรี่รสเผ็ด ท่านสามารถลองชิมปูผัดผงกะหรี่ (และเรามั่นใจว่าท่านจะสั่งอาหารจานนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก) ได้ที่คลาร์กคีย์ (Clarke Quay) ซึ่งเป็นแหล่งร้านอาหารทะเลขึ้นชื่อริมแม่น้ำ โดยท่านสามารถรับประทานอาหารมื้อเย็นที่นี่ก่อนจะเริ่มท่องราตรีอันมีชีวิตชีวาที่สิงคโปร์ อาหารสิงคโปร์สไตล์โมเดิร์นผสมผสานกับรสชาติดั้งเดิม สิงคโปร์เป็นประเทศที่ไม่เคยหยุดยั้งในด้านการพัฒนา การพัฒนาที่เห็นได้ชัดเจนคือการเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวและในด้านอาหารของทวีปเอเชีย เริ่มตั้งแต่การที่ประเทศสิงคโปร์มีรีสอร์ทแนวผสมผสาน2แห่ง คือรีสอร์ท เวิร์ล เซนโตซ่า และมาริน่า เบย์ แซนด์ เมื่อปี2553 โดยรีสอร์ททั้ง2แห่งนี้เป็นสถานที่ที่รวมเอากิจกรรมไลฟ์สไตล์และประสบการณ์สุนทรีย์ในการรับประทานอาหารนานาชาติโดยเซเลปบริตี้เชฟที่มีชื่อเสียงระดับรางวัลมิชลินสตาร์เข้าไว้ด้วยกันนับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เชฟชาวสิงคโปร์จึงได้รับแรงบันดาลใจจากรสชาติของความหลากหลายที่มีมากขึ้นในการประกอบอาหารจากเชฟมืออาชีพและเชฟนานาชาติประกอบเข้ากับบรรดาเชฟชาวสิงคโปร์รุ่นใหม่ที่มีโอกาสได้ไปศึกษาหรือได้รับการฝึกฝนจากต่างประเทศ ส่งผลให้เชฟชาวสิงคโปร์มีทักษะและเทคนิคใหม่ๆที่ได้จากการเรียนรู้และฝึกฝนด้วยตนเอง นำมาใช้ปรับปรุงเพื่อสร้างสรรค์เมนูอาหารใหม่ๆขึ้นมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน ในปัจจุบันเชฟชาวสิงคโปร์ผู้มากความสามารถได้ดัดแปลงสร้างสรรค์อาหารประจำชาติของสิงคโปร์ขึ้นมาใหม่ตามแนวทางความถนัดของเชฟแต่ละท่าน เพื่อมอบกลิ่นไอดั้งเดิมจากอาหารพื้นเมืองสิงคโปร์สู่นักชิมทุกท่านโดยรูปแบบเมนูใหม่ๆที่ร่วมสมัยหรือมีความเป็นโมเดิร์นมากขึ้น เชฟอิมมานูเอล ตี (Immanuel Tee)วัย26ปีถือเป็นเชฟที่มากความสามารถหนึ่งในดาวรุ่งของแวดวงการประกอบอาหารในสิงคโปร์ เชฟตีจบการศึกษาจากซันไรซ์ โกลบอลเชฟ อะคาเดมี่(Sunrise GlobalChef Academy)และเริ่มต้นอาชีพเชฟ ณ โรงแรมสวิสโอเต็ล เดอะ สแตมฟอร์ด (Swissotel The Stamford) ที่ซึ่งทำให้เขาได้มีโอกาสทำงานร่วมกับคุณอังเดร เจียง (Andre Chiang) เชฟและเจ้าของร้านอาหารรางวัลติดดาว ร้านอังเดร (Restaurant Andre) หลังจากนั้น เชฟตีได้มี โอกาสฝึกฝนทักษะเพิ่มเติมที่กาย ซาวอยสิงคโปร์ (Guy Savoy Singapore) ซึ่งเป็นหนึ่งในร้านอาหารของเซเลปบริตี้เชฟ (celebrity chef restaurants)ระะดับรางวัลมิชลินสตาร์ และยังรวมไปถึงการรับตำแหน่งที่ร้านอาหารปาสโตเรล (Pastorale) ณ เมืองอันท์เวิร์ป ประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งเป็นร้านอาหารระดับ2ดาวตามเกณฑ์การให้คะแนนของมิชลิน ไกด์ ซึ่งทำให้เขาได้มีโอกาสฝึกฝนทักษะและเพิ่มพูนประสบการณ์ด้านการประกอบอาหารกับเชฟที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศเบลเยี่ยมและทวีปยุโรปก่อนจะกลับมาที่ประเทศสิงคโปร์บ้านเกิด ปัจจุบัน เชฟตีดำรงตำแหน่งเชฟ เดอ คลูซีน (Chef De Cuisine) ของร้านอาหารคีย์สโตนแอนด์มีย์เลอร์ (Keystone and Miele restaurant)ที่ถนนสแตนลี่ย์(Stanley Street)สิงคโปร์ “สำหรับผม อาหารคือสิ่งซึ่งใช้บ่งบอกตัวตนของเรา การเป็นเชฟ เดอคลูซีนถือเป็นตำแหน่งที่ดีมากสำหรับการสร้างสรรค์ไอเดียและแรงบันดาลใจของผมให้เป็นจริงและแบ่งปันสิ่งเหล่านั้นกับผู้อื่น” เชฟตีอธิบาย นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึงการให้ความสำคัญต่อการเคารพสรรพสิ่งในธรรมชาติ ซึ่งเป็นแนวคิดที่เขาแสดงผ่านอาหารทุกจานที่เขาปรุง “การให้ความนับถือผู้ให้กำเนิดวัตถุดิบต่างๆเป็นปรัชญาของผม ซึ่งรวมถึงการให้ธรรมชาติได้แสดงบทบาทของตนเองอย่างเต็มที่ด้วย” ดังนั้นรายการอาหารต่างๆที่โดดเด่นของร้านคีย์สโตนจึงมีส่วนผสมจากทั้งธรรมชาติ วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรมการประกอบอาหารเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัตถุดิบในการประกอบอาหารที่มีคุณภาพดีเยี่ยม กระทั่งการตกแต่งสร้างสรรค์อาหารทุกจานที่แตกต่างกัน ซึ่งผู้รับประทานทุกท่านสามารถเพลิดเพลินกับอาหารสร้างสรรค์โดยเชฟตีที่ร้านคีย์สโตน ผ่านเซ็ตอาหารเทสติ้งก์เมนูทั้ง10 คอร์ส (10-course Tasting Menu) เชฟชาวสิงคโปร์ที่มีฝีมือโดดเด่นอีกท่านหนึ่งคือเชฟวิลลิน โลว์ (Willin Low)เขาผู้นี้ได้บัญญัติคำว่า ม้อด ซิน (Mod Sin)ขึ้น ซึ่งย่อมาจากคำว่าโมเดิร์น สิงคโปเรียน - Modern Singaporean- หมายถึงอาหารตะวันตกที่มีการดัดแปลงให้มีความเหมาะสมกับความเป็นท้องถิ่นเชฟโลว์ อดีตนักกฎหมายที่ปัจจุบันเป็นเชฟชื่อดังท่านนี้เป็นเจ้าของ ร้านอาหารต้นแบบโมเดิร์น สิงคโปเรียนที่โด่งดังชื่อว่าไวลด์ รอกเกต (Wild Rocketrestaurant) ร้านอาหารที่หลายต่อหลายคนถูกอดถูกใจและให้การยอมรับในประสบการณ์การรับประทานอาหารที่แปลกใหม่รสชาติโดนใจ เนื่องจากร้านนี้นำอาหารจานโปรดซึ่งมาจากอาหารท้องถิ่นเมนูต่างๆ แม้กระทั่งอาหารที่เชฟโลว์เองเคยรับประทานเมื่อตอนเป็นเด็กมาเป็นแนวทางในการปรุงรสชาติอาหาร โดยร้านนี้ตั้งอยู่ที่โฮสเทลสำหรับนักเดินทางแบบแบ็กแพ็กแฮงก์เอาท์ แอท เมานท์ เอมิลี่ (Hangout@Mount Emily) สไตล์บรรยากาศเข้ากันได้ดีกับเมนูอาหารสุดชิคประจำร้านเช่น บี ไต บัก โบโลญเนส(Bee Tai Bak Bolognese)ลักซา เพรสโต สปาเกตตี้ (Laksa Pesto Spaghetti )โรสต์ ชิเลี่ยน ซีแบส(Roast Chilean Seabass)และไวลด์ รอกเกต สตรอเบอร์รี่ ชีสเค้ก(Wild Rocket Strawberry Cheesecake)ยอดนิยมจากชื่อก็บ่งบอกแล้วว่าปรุงจากรสชาติอาหารที่ชาวสิงคโปร์คุ้นเคยประกอบกับเทคนิคการทำอาหารแบบอิตาเลียน ร้านไวลด์ รอกเกต จะเปลี่ยนรายการอาหารทุกๆ4เดือน ผู้ที่มารับประทานทุกท่านจึงมีโอกาสได้ลิ้มลองเมนูใหม่ๆที่น่าประหลาดใจเสมอๆ เจ้าของร้านอาหารอีกท่านหนึ่งที่มีชื่อเสียงของประเทศสิงคโปร์คือคุณไวโอเลต อูน (Violet Oon)ที่ประสบความสำเร็จในการปรับปรุงอาหารอันเป็นเอกลักษณ์ของสิงคโปร์ให้มีความทันสมัยเข้ากับสไตล์ของผู้รับประทานในปัจจุบัน คุณไวโอเลต อูนเจ้าของร้านไวโอเลต อูน’ส คิทเช่น(Violet Oon’s Kitchen)ย้อนนึกถึงบทสนทนากับลูกสาวซึ่งเป็นแรงผลักดันให้เธอกับลูกๆทั้งสองเปิดร้านอาหารบิสโทรแห่งนี้ว่า “ลูกสาวของดิฉันเคยพูดว่า ‘ขนมนี้มันล้าสมัยไปแล้วค่ะคุณแม่!’ ฉันจึงได้คิดขึ้นมาว่า ‘ลูกๆเป็นคนขอให้ฉันทำอาหาร แล้วฉันยังต้องลองทำอาหารแบบใหม่ขึ้นมาอีกด้วยหรือนี่?’” โดยร้านอาหารบิสโทรแห่งนี้อิงแนวอาหารที่เสิร์ฟจากอาหารยอนย่า(Nyonya) ทั้งแบบดั้งเดิมและแบบสมัยใหม่ โดยคำว่ายอนย่านี้ดั้งเดิมใช้เพื่อแสดงความรักและความชื่นชมต่อสตรีที่มีสถานะสูงในสังคม (เพื่อความเข้าใจ ท่านอาจนึกถึงคำว่า”มาดาม” หรือคุณป้า “Auntie” รวมกันก็ได้) และในอีกความหมายหนึ่งของยอนย่าคือการทำอาหารแบบชาวเปรานากาน อาหารแนะนำของร้านไวโอเลต อูน’ส คิทเช่นได้แก่ บูบอร์ ชา ชา แพนนา คอตต้า(Bubor Cha ChaPanna Cotta) ของหวานที่มาจากขนมดั้งเดิม บูบอร์ ชา ชา (มันฝรั่ง, แยม และผิวมันสำปะหลัง ปรุงรวมกันในน้ำกะทิ) มาสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ และพิซซ่าปูผัดผงกะหรี่ (Chilli Crab Pizza)เมนูยอดนิยมของชาวตะวันตกที่ต้องการลิ้มรสปูผัดผงกะหรี่ในรูปแบบที่แปลกออกไป คุณอูนถือเป็นเชฟที่มีชื่อเสียงอีกคนหนึ่งของประเทศสิงคโปร์ โดยเธอยังเป็นนักวิจารณ์อาหาร พิธีกรโทรทัศน์และเป็นทูตด้านอาหารของประเทศสิงคโปร์ ทั้งยังเขียนตำราอาหารของตนเองอีกด้วย หากคุณมีโอกาสเดินทางไปยังย่านบูกิต ทิมาห์ (Bukit Timah) ลองแวะรับประทานอาหารที่ร้านของเธอ รับรองคุณจะไม่ผิดหวัง อาหารว่างแบบท้องถิ่นกับไวน์ชั้นเลิศเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียวสำหรับการรับประทานอาหารทั้งแบบดั้งเดิมและสมัยใหม่ที่ใจกลางเมืองสิงคโปร์ ร้านเดอะอิมมิแกรนท์ กาสโทรบาร์ บาย ดาเมี่ยน ดี’ซิลวา (The Immigrants Gastrobar by Damian D’Silva) ถือเป็นคำตอบของสถานที่แฮงเอาต์ยามค่ำคืนกับบรรดาแก็งค์เพื่อนๆของคุณ ร้านแกสโทรบาร์แนวเรโทร-คูลนี้ดำเนินการโดยเชฟชาวยูเรเชี่ยนที่เติบโตในประเทศสิงคโปร์เสิร์ฟอาหารแบบยูเรเชี่ยนและเปรานากันที่มีการดัดแปลงผสมผสาน ไฮไลท์อีกอย่างคือการจับคู่อาหารว่างท้องถิ่นกับไวน์ชั้นยอดเพื่อให้การรับประทานของว่างและการดื่มไวน์ที่นี่เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำของคุณส่วนเมนูที่นักท่องเที่ยวทุกท่านไม่ควรพลาดได้แก่บูอาห์ เคลักค์ (BuahKeluak—สตูแบบเปรานากันที่รสชาติโดดเด่น รวมถึงข้าวผัดกับวิสกี้แบบญี่ปุ่นที่หมักบ่มมายาวนานหรือเบียร์ดำอาซาฮีครึ่งไพน์) นอกจากนี้ยังมีอาหารเรียกน้ำย่อยแบบเปรานากันที่น่าสนใจอีกมาก เช่น ฮา ชวง ไก่ (Ha Cheong Kai - เครื่องจิ้มทำจากกุ้งกับไก่ทอด) หรือบาบิ อัสแซม (Babi Assam— หมูกับถั่วคลุกเกลือในซอสรสมะขาม) อย่าลืมแวะไปทดลองชิมอาหารที่แกสโทรบาร์แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ถนนจู เชียท( JooChiatRoad) ถนนแหล่งรวมร้านอาหารแห่งใหม่อีกแหล่งของสิงคโปร์ มาถึงตอนนี้ ทุกท่านคงได้ข้อมูลกันไปพอสมควรแล้วสำหรับประสบการณ์ที่ท่านจะได้สัมผัสในการรับประทานอาหารอันหลากหลายทั้งอาหารแบบดั้งเดิมสุดฮิตเมื่อมาเยือนประเทศสิงคโปร์ และเมนูอาหารสมัยใหม่ที่ประยุกต์ขึ้นโดยเชฟชาวสิงคโปร์มากความสามารถ หากท่านมีโอกาสไปเยือนประเทศสิงคโปร์ในครั้งต่อไปเราหวังว่าท่านจะได้ลองลิ้มชิมรสอาหารจากร้านต่างๆที่แนะนำไปข้างต้น รวมถึงร้านอาหารอร่อยๆอีกมากมายที่คุณอาจค้นพบด้วยตัวเองBon appetite! ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ: ภูษณิศา กมลนรเทพ (มีท) VervePublic Relations Consultancy โทร02-204-8216 pusanisa.kamolnoratep@vervethailand.com
แท็ก สิงคโปร์  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ